FictionYAOI - [KNB] - Akashi x Furihata >> love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ [[ Chapter 05 ]]
Fiction YAOI
kuroko no basket
Akashi x Furihata
Chapter 05
By Yuhey
Chapter 05
มันต้องมีทางทำอะไรสักอย่างแน่นอนความจริงแล้วในโลกปีศาจนี้อาคาชิเขาค่อนข้างที่จะเชี่ยวชาญไปแทบทุกเสียซะทุกอย่างแล้วยังรู้เรื่องเกี่ยวกับเห็ดทุกชนิดที่อยู่ในโลกภพปีศาจนี่อีกด้วย
อันเดิมทีแล้วที่เห็ดสายรุ้งหน้าตาประหลาดพิลึกนี้แท้จริงคือเห็ดยักษ์สายรุ้ง
เกิดจากการที่ยักษ์บ้วนพิษน้ำลายของตนเองลงพื้นจนเกิดเป็นพืชตระกูลเห็ดที่มีรูปร่างประหลาดขึ้นมา
และแน่นอนว่าเห็ดนี้เป็นเห็ดพิษและดูเหมือนจะเป็นพิษที่อันตรายร้ายแรงอยู่พอตัวเลยก็ว่าได้มันจะทำให้ใครที่กินเข้าไป
เกิดอาการด้านชาไปทั้งตัวอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นมันจะไปเร่งตัวกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้สูงขึ้น
จนภายในเวลา 24
ชั่วโมงจะทำให้เป็นอำพาตจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้
วิธีแก้นั้น
อาคาชิชะงักไปสักครู่หนึ่งก่อนจะครุ่นคิดไปอีกว่า
นั่นคงจะเป็นเลือดในหัวใจของยักษ์สายรุ้งแน่นอนถ้าทางเขาต้องลุยหนักอีกแล้วสินะ
อาคาชิคิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างเสียมิได้
“ฮึก...อื้อ..แฮ่ก”
เสียงกระเส่าของร่างบางที่สั่นกระตุกเล็กน้อยเหงื่อหยาดคล้อยที่ไหลลงมาอาบแก้ม
เหมือนว่าจะออกฤทธิ์เร็วกว่าที่คิดเอาไว้ “ชิ..มีใครอยู่ที่นี่ไหมเนี่ย” ไม่รีรอให้เสียเวลาอาคาชิโอบร่างฟุริฮาตะเอาไว้เอาไว้แล้วเหาะหายเข้ากลีบเมฆไป
ด้วยความสูงที่สูงเอามากๆทำให้เห็นพื้นที่โครงสร้างของเกาะทั้งหมดนัยน์ตาสีทับทึมกลอกตาไปมาพลางมองหาหมู่บ้านที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่สายตานั้นพลันหยุดชะงักเมื่อมองเห็น
เหล่าอาคารเรือนหลังคาที่ทำจากหญ้าคากับตัวบ้านที่ทำจากอิฐสีขาวเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบเขามุ่งตรงไปยังเป้าหมายทันทีอย่างไม่รอช้าอาศัยปลอมตัวเป็นคนในหมู่บ้านลักลอบเข้าไปให้เนียนที่สุด
“เจ้าพอจะมีหอกเกล็ดมังกรสายรุ้งไหม”
อาคาชิสักถามชายแก่หนวดยาวเฟื้อยสีขาวอย่างเร่งรีบ “หือ..โอ้..โฮะโฮ่ะโอ่
เจ้านี่เองอาคาชินานเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่เห็นเจ้าเป็นเวลาสิบปีไม่สิสิบสองล่ะมั้งนะ
ถ้าข้าจำไม่ผิด” ชายแก่ยิ้มตาพริ้มด้วยความปิติดีใจที่ได้เห็นสหายเก่าของตนกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้งหลังจากที่ห่างเหินกันมานานนับสิบปี “หือเจ้าจะเอาไปทำอะไรงั้นเหรออาคาชิ?”
ชายแก่ขี้สงสัยกล่าวถาม อาคาชิตอบออกไปเพียงสั้นด้วยความที่เป็นคนไม่ช่างพูด
“เปล่าดูเขากินเห็ดยักษ์สายรุ้งเข้าไปน่ะ” สีหน้าที่ยังรักษาคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนไปไหนเพียงแค่คำพูดคำจาเพียงไม่กี่คำสำหรับคนที่คุ้นเคยสนิทกินดีก็พอสื่อสารรู้เรื่องกันได้
“เด็กจากภพมนุษย์งั้นรึอาคาชิ” ชายแก่ใช้หางตามองผ่านเขาไปหยิบหอกที่เขากำลังตามหาอยู่พอดิบพอดี
ในโกดังที่ดูเก่าคร่ำครึแต่ดูสะอาดสะอ้านเพราะดูเหมือนว่าเขาจะทำความสะอาดโกดังสะสมของเก่านี่ประจำ
ของสะสมที่วางเรียงรายกันอยู่บนชั้นไม้มีทั้งแจกันเครื่องประดับสนับตีนเสือเรือปีศาจโจรสลัดขนาดเล็กที่ถูกขังอยู่ในขวดโหลหลายๆลำสะสมเป็นคอลเลคชั่นตั้งขึ้นโชว์ไว้
ขาลีบๆเดินอย่างเก้ๆกังๆอย่างไม่คล่องตัวนักมือเหี่ยวๆที่บ่งบอกถึงอายุยื่นกล่องปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสทรงยาวสีดำที่มีฝุ่นจับเขรอะยื่นมาให้เขา
เมื่อที่อาคาชิได้รับมาแล้วเขาไม่รอช้ารีบเปิดออกมาดูทันที
ใบมีดสีใสที่สะท้อนเสียงเป็นสีรุ้งด้ามจับสีขาวที่มีลวดลายสีเงินอย่างประณีตบรรจงประดับเอาไว้อยู่
เขามองดูมันสักครู่ก่อนจะถือเอาไว้ในมือ
แล้วกระพือปีกค้างคาวสีดำทะยายสู่ขึ้นฟ้าบินลับหายไปโดยที่ไม่ลืมที่จะหอบเอาร่างบอบบางของฟุริฮาตะไปด้วย
.................................................................................................................................................................................
“แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะฮิวงะ”
คิโยชิแย้งขึ้นหลังจากที่นั่งครุ่นคิดมาอยู่หลายชั่วโมงเหล่านักปราบผีที่หลุดเข้ามาในโลกภพของปีศาจ
พวกเขาต้องใช้ความคิดอย่างระมัดระวังตัวสูงมากและเนิ่องจากเป็นพื้นที่ของศัตรูและอีกอย่างพวกเขาดูเสียเปรียบกว่ามาก
เพราะนอกจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาสิ่งพวกเขานำติดตัวมาก็มีเพียงแค่ธนูไฟมังกรเพลิงเท่านั้นเองส่วนที่เหลือก็เป็นมนุษย์ที่มี
Monster Devil code สถิตร่างอีกสองคนก็เท่านั้นเอง
ฮิวงะต้องใช้ความคิดอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมากในการวางแผนตามหาฟุริฮาตะที่หายไปถ้าปล่อยให้เขาอยู่ภายในกำมือของอาคาชิอีกครั้งจุดจบของเขาก้คงไม่ต่างกับโคมะผู้เป็นพี่ชายของเขาแน่นอนทันทีที่คิดถึงชื่อของบุคคลที่สำคัญสำหรับเขามากที่สุดได้ภาพความทรงจำที่เป็นดั่งคำสาปได้ฉายซ้ำอีกครั้ง
ไม่ได้นะฮิวงะนายจะต้องไม่คิดแบบนั้นเลิกฟุ้งว่านได้แล้ว คิดสิ คิดสิ
ว่าเราจะต้องทำอะไร จะต้องวางแผนอะไรยังไง แล้วจะออกตามหาเขาเมื่อไหร่ ฮิวงะเตือนสติของตนเองให้กลับมา
แล้วครุ่นคิดอีกรอบ
ในขณะที่นั่งคิดวางแผนอะไรอยู่ในใจตอนนั้นทันนั้นเองที่คากามิกลับมาพรุ้มกับไก่รูปร่างประหลาดที่ตัวใหญ่กว่าไก่ทั่วไปรูปร่างลักษณะมีสีขาวทั้งตัวนัยน์ตาสีแดงชาดมีสามตาและกรงเล็บที่ใหญ่ราวกลับเท้าของนกเหยี่ยว
มันตายสนิดและห้อยต่องแต่งคามือของเด็กหนุ่มผมสองสี
“ผมได้ไก่มาตัวหนึ่งมีใครจะกินมั่ง”
คากามิเสนออาหารของวันนี้แต่ก็อย่างว่าแหล่ะนี่เป็นโลกของปีศาจคนธรรดาในโลกภพมนุษย์จะไปกินได้ยังไงทุกที่นั่งอยู่พากันสายหัวรัวๆกับความบื้อของคากามิ
ถึงจะรู้ดีว่าฝีมือการทำอาหารของเขาจะทำอาหารทุกชนิดได้อร่อยมากก็เถอะ
“คุโรโกะนายจะกินด้วยกันรึเปล่า”
เขาหันไปมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งอ่านหนังสือวรรณกรรมเล่มโปรดของตนอยู่
“เอ่อ..ไม่ดีกว่าครับ”
คุโรโกะตอบด้วยพลางทำสีหน้าเหวอๆหลังจากที่เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขา
“งั้นฉันกินคนเดียวก็ได้”
เขาถอนหายใจไปวุบหนึ่งด้วยความน้อยใจแล้วไม่พูดพล่ามทำเพลงให้เสียเวลาก็เริ่มลงมือหาฟืนก่อไฟชำแหละเอาเครื่องในออกแล่เนื้อเตรียมย่างรอไปสักพักพลิกไปพลิกมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าสุกดีแล้วหรือไม่ถ้าแน่ใจก็เตรียมลงมือกัดฉีกเนื้อไก่
(?) เข้าไป
“อื้ม...อร่อยแหะแปลกจังทั้งที่หน้าตาของมันดูอัปลักษณ์ไม่น่ารับประทานแต่กลับอร่อยใช้ได้.”
ทุกคนหันมามองเขาเป้นตาเดียวทันที “นายแน่ใจเหรอคากามิ” ทุกคนถามเขาด้วยความสงสัยพร้อมกับความหิวที่เริ่มประท้วงออกมาทางสีหน้า
“อืม..ลองกินดูสิ” คากามิยื่นไม่เสียบไก่ประหลาดเนื้อสีม่วงไปให้
เอ็กซอร์ซิสต์กว่าสิบชีวิตทุกคนกระเดือกน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่เห็นพ้องเดียวกันว่า
“เป็นไงเป็นกันล่ะวะ” เพียงแค่กัดคำแรกพวกเขาก็อุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“อร่อย..............”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีอาการผิดสำแดงอะไรก็กินเข้าไปโดยไม่คิดอะไรและดูเหมือนว่าคงจะกินอิ่มหนำสำราญกันท่วนหน้า
“หวืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
หูกระต่ายสีดำตั้งชุชันขึ้นร่างกายของคุโรโกะกระตุกขึ้นเล็กน้อย
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคุโรโกะ” คากามิถามขึ้นหลังจากที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนรักผิดแปลกไป
“ผมสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ของฟุริฮาตะคุงครับไม่สิไม่ใช่สัมผัสของพลังเวทย์ที่คล้ายกับฟุริฮาตะคุงแต่มีมากว่านั้นใครกันนะ”
คุโรโกะพูดขึ้น
ฮิวงะสะดุ้งโหยงทันทีกับความสามารถในการสัมผัสพลังเวทย์ของคุโรโกะสมกับฉายาที่ว่า Black Rabbit Hunter เลยจริงๆฮิวงะมองเขาอย่างชื่นชม แต่หากว่าเขากลับสะกิดใจอยู่เล็กๆถ้านั่นไม่ใช่สัมผัสเวยท์ของฟุริฮาตะ
โคคิ แล้วนั่นเป็นสัมผัสเวทย์ของใครฟุริฮาตะอีกคนเหรอเขาหยุดชะงักไปสัก
มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีฟุริฮาตะสองคน
มีคนที่มีร่างสถิตพลังของเทพีแห่งสวรรค์อีกคนเหรอเป็นไปไม่ได้หรอกน่าแล้วนั่นใคร
ยิ่งคิดความฟุ้งซ่านก็ยิ่งเริ่มเข้าครอบงำ
แล้วนั่นใครกันล่ะถ้าไม่ใช่ฟุริฮาตะโคคิแล้วนั่นใครมันคงเป็นไปไม่ได้นอกจาก....
ภาพใบหน้าของเพื่อนเก่าคนสำคัญแวบขึ้นมาทันทีราวกับเป็นม้วนวิดิโออัตโนมัติที่เพียงแค่ใครคิดอยากจะดูอะไรก็ฉายขึ้นทันที “ชีส์..” ฮิวงะเดาะลิ้นเบาๆ
“คุโรโกะนายสัมผัสมันได้จากทางไหน..ทางทิศตะวันตกครับอาจารย์ฮิวงะ”
ไม่รอต้องพูดให้เปลืองน้ำลายเปล่าเขาท่องเวทย์แห่งปีกบินมุ่งหน้าโดยมีคุโรโกะเป็นคนนำทางให้เขาคากามิคอยเป็น
ยานพหนะโดยจำแลงตนเองให้เป็นเสือไฟที่มีเปลวไฟสีส้มแดงที่เบาบางติดอยู่ที่ปลายหาง
มุ่งหน้าสู่เส้นทางทิสตะวันตกตามที่คุโรโกะบอกไปทันที
“หืม...ดูเหมือนว่าฉันมีความคิดดีๆแล้วล่ะ”
เหล่าสี่หน่อชุดหน้ากากสีเทาปริศนาที่บินตามมาด้าวปีกค้างคาวสีดำโดยไม่ให้เหล่าเอ็กซอร์ซิสต์รู้ตัว
“เราตามพวกนั้นไปแล้วให้ไอ้พวกเอ็กซอร์ซิสต์เป็นนกต่อและโล่ให้เราดีกว่าไหม”
ชายหน้ากากเทาคนหนึ่งเสนอความคิดขึ้น
“อ้อแล้วพอได้โอกาสที่พวกมันอ่อนแรงแล้วค่อยจัดการใช่ไหม มิบุจิ”
ชายอีกคนเออออตามด้วยคน “พวกนายจะทำอะไรก็ทำเถอะขอแค่ฉันได้เจออาคาชิก็เกินพอแล้ว”
กับที่อีกคนไม่ค่อยที่จะยุ่งเกี่ยว กับพรรคพวกมากนัก
ถ้าเป็นนายก็ดีสิโคมะ...
บางครั้งฉันก็เห็นนะ...
เห็นนายซ้อนทับฟุริฮาตะ
โคคิน้องชายของนายน่ะ...
ฉันไม่ปฏิเสธเลยสักนิดทุกครั้งที่ฉันเห็นเขาฉันก็แอบคิดว่าเป็นนายเหมือนกัน...
.......................................................................................................... .......................... .......................................
ส่วนทางด้านอาคาชิเขาพยายามที่จะฆ่ายักษ์สายรุ้งที่มีหัวใจความนึกคิดและมีสติปัญญาเหมือนกับเขาแต่ก็หาไม่เจอแม้ว่าเขาจะฆ่าเจ้ายักร่างมหึมาที่มีสีผิวสายรุ้งที่ไร้สมองตายเกลื่อนไปกี่สิบกี่ร้อยตนแล้วก็ตาม “มันอยู่ไหน ชิส์
เกะกะจริงไอ้พวกไร้สมองพวกแกก็ไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ที่นครหลวงแห่งออสเรนส์เดลหรอก”
เขาวิ่งหลบบินโฉบไปมาเพื่อไม่ให้เจ้ายักษ์จับเขาได้
อาคาชิรีบบินเข้าไปในถ้ำทันทีทันใดนั้นเองเขาเห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยหลับปุ๋ยอยู่ในถ้ำแต่งกายเหมือนแม่มดโดยใส่ชุดสีดำทั้งชุดและมีไม้เท้าคู่ใจอยู่ข้างๆ
อาคาชิก็ไม่ได้สนใจเขาวางฟุริฮาตะลงที่ซอกรูแคบๆแต่กว้างพอสำหรับพวกเขาลงอาคาชินั่งพักด้วยความเหนื่อยล้าพลางมองร่างที่ไร้สติของเด็กหนุ่มกำลังนอหายใจหอบอยู่ไม่เป็นสุขมือเรียวลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู
“ข้าอิจฉาเจ้าที่เกิดเป็นมนุษย์นะ..ข้าใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นมนุษย์เหมือนกับเจ้าแต่แม้ว่าข้าจะแกล้งทำมันก็ไม่ใช่อยู่ดี”
แววตาที่แข็งกร้าวแลดูเศร้าสร้อยสำหรับเขาแล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่ระหว่างมนุษย์กับปีศาจหรือว่าแวมไพร์กันแน่
อาคาชิสับสนตลอดเวลา เขาเป็นเด็กที่เกิดกับพ่อที่เป็นแวมไพร์ลูกครึ่งปีศาจ
กับแม่ที่เป็นมนุษย์
และถูกแม่เลี้ยงปีศาจเก็บมาเลี้ยงดูอีกทีเขาไม่รู้เลยว่าความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์นี้เป็นยังไงแต่น่าแปลกที่เขามีหัวใจเป็นมนุษย์นิสัยกลับได้มาจากปีศาจ
หลังจากที่เขาได้ฆ่าใครและดูดเลือดใครมานักต่อนักก็จะรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งรู้สึกแสบร้อนและปวดที่หน้าอก
“เจ้าเป็นใครกันน่ะ...”
เสียงใสๆของสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาดังมาจากข้างนอก
ร่างบอบบางตัวเล็กผิวขาวซีดเผือกเหมือนกระดาษใบหูเรียวแหลมผิดกับลูกครึ่งปีศาจแวมไพร์อย่างเขามากผมสีชมพูอ่อนยาวสลวยลงมาปรกบ่า
อาคาชิที่เพิ่งจะหลุดออกจากภวังในความคิดได้หันหลังกลับไปดูทันที
“คนที่เป็นฝ่ายถามน่าจะเป็นข้ามากว่าเจ้าเป็นใครกันแน่”
แววตาที่แข็งกร้าวไร้ความรู้สึกของอาคาชิพร้อมสีหน้าที่เรียบเฉยไม่เปลี่ยงแปลงไปสักนิดเวลาพูด
“ขะ..ข้าชื่อ โมโมอิ ซัทสึกิ แม่มดซัทสึกิ ในเขตแถบนี้ท่านมีธุระอะไรอยู่ที่นี่ไม่ทราบ”
สาวน้อยแนะนำตัวเสร็จก็เดินเข้ามาหาอาคาชิด้วยความสงสัยแล้วจ้องเขม่งใบหน้าอย่างคาดโทษที่บังอาจมาเหยียบพื้นที่เขตศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
“ข้าต้องการหัวใจของยักษ์สายรุ้งที่มีสติปัญญาอันชาญฉลาด...เจ้าพอจะ...” “เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!”
แสงกัมปนาทสีม่วงตีผ่าลงมาตรงหน้าเขาพอดีและด้วยความสามารถของเขาที่เหนือกว่าก็ย่อมหลบได้เป็นเรื่องธรรมดา
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ยังไงข้าก็ไม่ยอมเด็ดขาดยักษ์สายรุ้งเปรียบเสมือนพี่น้องของข้าหัวใจของเขาข้าไม่ยอมเอาให้ใครเด็ดขาด!!!!!” เด็กสาวตะหวาดเสียงแข็งทำนัยประกาศให้เขาคือศัตรู “
อาคาชิหรี่ตาลงเล็กน้อยรัศมีของพระราชาได้ตีแผ่ออร่าขยายออกมาจากร่างทุกย่างก้าวที่เขาเดินออกมาเด็กน้อยก็จะถอยหลังออกมาอย่างหวาดกลัว
“เจ้าจะทำอะไรกับข้าน่ะ..” เด็กหญิงตัวกระเต๊าะจับไม้เท้ามาปัดป้องกันตัวเองดวงตาสีชมพูใสดั่งลูกแก้งกลมโตรีบหรี่ตาหลับเข่าทรุดตัวสั่นอยู่นะตรงนั้น “แม่มดซัทสึกิขอรับ...”
เสียงอันสดใสของชายหนุ่มที่เดินกลับมาพร้อมเสบียงอาหารยิ้มฮัมเพลงกลับมาอย่างอารมณ์ดี
แต่หากกว่าเขาดีใจอารมณ์ดีไม่ถูกเวลาก็เท่านั้นเอง และเป็นความบังเอิญที่เห็นเทพธิดาน้อยของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย(?)
“แม่มดซัทสึกิ!!!!!!!!!!!!!”
ชายปริศนาวิ่งปรุ๊ดเข้ามาด้วยความเร็วสูง
“เจ้าจะทำอะไรกับเทพธิดาน้อยของข้ามิทราบ” เขารีบเป็นโล่ป้องกันขัดขวางอาคาชิทันที
“หืม...” อาคาชิหยุดเดินเขาใช้สายตาที่แหลมคมดุจพญาเหยี่ยวนกอินทรีย์มองเพ่งพินิจบุคคลปริศนาต้องห้าม
ใบหน้าที่ดูคมคายผิวกายที่มีหลายเจ็ดเฉดสีแท้จริงคือยักษ์รุ้งเจ็ดสีที่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ผมสีดกดำสนิทดวงตาก็เป็นสีดำเฉกเช่นเดียวกับสีผม
อาคาชิแสยะยิ้มอีกครั้งเมื่อเห็นสิ่งที่อุตส่าห์ตามล่ามาอย่างลำบากลำเข็ญอยู่แค่ไกล้ไม่เกินเอื้อมและนี่เองคือสิ่งที่เขาต้องการจะได้ขวักหัวใจสดๆออกมาแล้ว
รอก่อนนะฟุริฮาตะ
“โมริยามะเจ้ามาทำออะไรที่นี่กันน่ะรีบถอยห่างจากเขาคนนั้นเดี๋ยวนี้เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายนะ!!!!”
แม่มดน้อยซัทสึกิตะเบ็งเสียงแข็ง
“ข้าว่าน่าจะเป็นท่านมากว่านะเทพธิดาน้อยของข้า”
โมริยามะทำสีหน้าทะเล้นใส่เทพธิดาน้อยของเขาทันทีและทำเป็นไม่สนใจคำเตือนของแม่มดน้อยด้วยความหวังดีและเป็นห่วงเป็นใย
ให้ตายเถอะ.... แม่มดน้อยปลงกับความทึ่มซื่อบื้อของโมริยามะเต็มทนพอแล้ว
“แล้วพวกท่านมาจากทางไหนเป็นใครกันแน่มีจุดประสงค์อันใดท่านถึงมาที่นี่กัน”
โมริยามะชายตามองอาคาชิเป็นระยะมองเขาอย่างกำลังจับความมีพิรุธที่ซ่อนอยู่ในความคิดของอาคาชิ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใครแต่สิ่งที่ข้าประสงค์ต้องการนั้นคือหัวใจที่อยู่ตรงกลางอกของเจ้ายังไงล่ะเจ้ายักษ์สายรุ้ง”
อาคาชิแสยะยิ้มเยาะ
เพียงเท่านั้นก็เล่นเอาให้โมริยามะแทบกลืนน้ำลายลงคอแข้งขาอ่อนเพลียไปหมด
เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่แค่ปีศาจแบบเก่งธรรมดาแน่ๆข้ารุ้สึกได้ถึงกลิ่นอายของจิตสังหารอันรุนแรงภายในตัวของเจ้า
เขาคิดอยู่ในใจและเชื่อในลางสังหรของตัวเองว่ามหัตภัยร้ายกำลังมิยือนเขาอยู่ณที่นี้
บางที่เขาอาจจะชะตาขาดไปแล้วก็ได้เพราะเมื่อวานเขาฝันถึงปีศาจค้างคาวร่างมหึมาจับเขากลืนกินทั้งเป็นมันอาจจะเป็นฝันบอกเหตุเขาเร็วๆนี้ก็ได้
“แม่มดซัทสึกิข้าว่าเราถอยกันดีกว่าครับ”
โมริยามะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาเดินมาอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยๆขึ้นบ่าแล้วกำลังจะวิ่งหนีไปแต่ก็โดนอาคาชิห้ามปรามเอาไว้
“พวกเจ้าจะไปในกันไม่ทราบก่อนอื่นเจ้าพอจะมีที่ให้ข้าพักอาศัยอยู่รึเปล่า”
อาคาชิชายตามองทั้งสองคนแล้วเดินไปแบกฟุริฮาตะที่กำลังนอนหอบหายใจอย่างทรมานพาดบ่าเดิมมาด้วย
“นั่นมนุษย์นี่..เขาเป็นอะไรไป” โมริยามะแปลกใจเมื่อเห็นฟุริฮาตะหายใจแบบผิดปกติ
“ใช่อย่างที่เห็นมันเป็นเพราะเขากินเห็ดยักษ์สายรุ้งยังไงล่ะเจ้าคงจะรู้อยู่ใช่ไหมว่าวิธีถอนพิษมันต้องทำยังไง”
พอได้ยินโมริยามะก็แทบจุกเข้าที่หน้าอกเขารู้ดีเขารู้ดีอยู่แล้วว่าวิธีถอนพิษนั้นต้องกรีดเอาหัวใจของยักษ์ที่สมบูรณ์ทั้งเป็นด้วยหอกเกล็ดมังกรสายรุ้งแล้วบีบเอาเลือดออกมาจากหัวใจให้ผู้ที่เคราะห์ร้ายดื่มกิน
แต่หากไม่ช่วยภายในหนึ่งวันนี้เด็กคนนั้นก็จะตาย
“ข้าไม่รู้หรอกแต่ที่อยู่อาศัยข้าน่ะให้ท่านอยู่ได้” โมริยามะปฏิเสธทันที ชิวีตของฉันมันเป็นของฉันและฉันต้องอยู่เพื่อแม่มดซัทสึกิเท่านั้นใครจะโง่ให้สละกันเล่า
“หึ..งั้นก็ตามใจถ้าหากเจ้าไม่กลัวว่าโลกปีศาจจะล่มสลายล่ะนะ”
อาคาชิพูดทิ้งท้ายแล้วเดินตามเส้นทางตามแนวของอุโมงค์ถ้ำ
“หมายความว่ายังไงกันท่านเป็นใครกันแน่โลกปีศาจจะถูกทำลายเป็นไปได้ด้วยเหรอ..”
แม่มดซัทสึกิรีบวิ่งตามอาคาชิเพื่อที่จะไขข้อสงสัยกับคำพูดทิ้งท้ายของเขา
“เธอคงจะรู้ดีใช่ไหมเคยได้ยินมาก่อนรึเปล่าร่างสถิตของเทพีแห่งสวรรค์น่ะถ้าเกิดว่าร่างสถิตนั้นตายไปจะทำให้โลกมนุษย์และโลกปีศาจเสียความสมดุลและจะถูกทำลายน่ะ”
“แล้วทำไมมันเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ”
โมโมอิ ซัทสึกิโต้แย้งไป
“เด็กคนนี้...” “ !!!!!!!!!!!!!!!!” อาคาชิชี้นิ้วลงไปที่ฟุริฮาตะ
เด็กน้อยแทบจะไม่เชื่อในสายตาของตนเองเลยสักนิดตราสัญลักษณ์เทพีแห่งปีกสีขาวตรงกลางหน้าผากปรากฏขึ้นมาแล้วกำลังจะจางไปเพราะพิษคำสาปเห็ดยักษ์สายรุ้งอย่างใดอย่างงั้น “แล้วจะทำยังไงดีล่ะ” ซัทสึกิก็ชักจะลนลานทำอะไรไม่ถูกแล้ว ณ ตอนนี้
“ก็อย่างที่บอกนั้นแหล่ะ”
อาคาชิยังพูดน้ำเสียงคงที่ดังเดิมและสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
“อย่ามาตลกน่าชีวิตใครๆจะยอมเล่าข้าเกิดมาและเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อแม่มดซัทสึกิเท่านั้นเฟ้ยใครจะยอมเสียสละเพื่อไอ้มนุษย์น่าโง่ที่หลงกินเห็ดพิษเข้าไปกันเล่าอย่ามาให้ข้าขำหน่อยเลย!!!!!!”
โมริยามะฟิวส์ขาดเริ่มตะเบ็งเสียงพาลด่าอาคาชิโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น “ปากกล้าดีนี่นานๆสักร้อยปีได้ที่ข้าไม่ได้เจอคนปากดีมาให้แก้มือมาตั้งนานข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากจะเป็นคนเอามาเองสินะ”
ใบหน้าที่ซีดเผือกไร้สีของเลือดฝาดปากสีกุหลาบฉีกยิ้มร้ายด้วยความกระหายแห่งการฆ่าที่สั่งสมมานานกรงเล็บสีดำเริ่มกางออกเป็นอาวุธในการต่อสู้เฉพาะของอาคาชิ
ในขณะเดียวกันนั้นเองที่โมริยามะก็จับด้ามขวานขนาดใหญ่ไว้ที่มือข้างขวาการต่อสู้ได้เริ่มเปิดฉากภายในรูถ้ำขนาดเล็กกรงเล็กที่แข็งดั่งเหล็กกล้าและเฉียบคมเสียดสีไปตามแนวขวานที่ทำจากเหล็กไหลปีศาจจนบางครั้งบางก็เกิดประกายไฟกรงเล็บที่พุ่งด้วยความเร็มถึงแม้ว่าโมริยามะจะดูเป็นที่เชื่องช้าแต่เขาก็หลบได้ด้วยสัญชาติญาณของนักล่าแห่งหุบเขาป่าสายรุ้งขวานที่จหวัดกวักแกว่งเหวี่ยงไปด้วยแรงที่ทรงพลังผิดกลับรูปร่างลักษณะของเขาโดยสิ้นเฉิง
แน่นอนว่าอาคาชิก็หลบได้สบายอยู่แล้วเขาเริ่มเริ่งความเร็วที่เหนือกว่าในการเคลื่อนไหลกระโดดเคลื่อนย้ายสาดกรงเล็บเข้าใส่อย่างไม่ยั้งโชคยังดีที่เขาหลบได้ทุกครั้งและก็ได้บาดแผลเล้กน้อยจากกรงเล็มแวมไพร์ของอาคาชิทุกครั้งด้วย “จะหลบได้สักกี่นานเชียว”
อาคาชิยิ้มเยาะเย้ยหยันเพื่อเพิ่มความโกรธให้กลับโมริยามะซึ่งก็ไม่ได้ผลเพราะเขาเองก็ใจเย็นพอที่จะระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้เพื่อที่ตัวเองจะได้มีสมาธิในการต่อสู้เขาต้องมีสติตลอดเวลา
การต่อสู้ที่แข่งกันด้านความเร็วพวกเขาใช้เวลานานในการต่อสู้มากกว่าที่คิดจากที่โมริยามะที่เสมอภาคกับอาคาชิด้วยความสามารถที่ด้อยกว่าในด้านความเร็วก็ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพถูกรุกรานและป้องกันตนเองอยู่ฝ่ายเดียว
แม่มดซัทสึกิที่แหกปากห้ามทั้งสองคนไปไม่รู้กี่รอบจนเสียงแหบแทบจะเปล่าประโยชน์เด็กน้อยคิดหาวิธีที่จะยุติการต่อสู้ระหว่างโมริยามะและอาคาชิให้จบลงให้จงได้จนสรุปกลั่นกรองออกมาเด็ยน้อยเร่มท่องคาถาวิชาอาคมที่ตนได้เรียนมาแล้วแกว่งไม่กระบอกไปมาสามครั้งพร้อมพุ่งออกไปแสงสีเขียวพุ่งออกไปด้วยความเร็วแสงมุ่งหน้าสู่เวทีประลองชั่วคราวของชายหนุ่มทั้งสองในทันทีไม่กี่นาทีถัดมาทุกอย่างก็เงียบกริมขวันขโหมงที่ฟุ้งกระจายได้จางลง
อาคาชิที่ยืนนิ่งๆไม่เป็นอะไรมีเพียงแค่รอยขาดของผ้ากลุมก็เท่านั้นโมริยามะสลบเหมือบนอนแอ้งแม้งลงไปกับพื้น
“ไอ้พวกคนแก่บ้า...จะมาสู้กันทำไมในนี้โมริยามะไกล้จะได้เวลาเข้าหมู่บ้านแล้วไม่ใช่รึไงกันห๊ะ”
โมโมอิ
ซัทสึกิตะคอกเสียงก่นด่าออกมาด้วยความโกรธพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้าออกมา
“อา...ข้าขอโทษเทพธิดาน้อยของข้าๆจะไปเดี๋ยงนี้แหล่ะ”
โมริยามะไม่รีรอเขาลุกขึ้นมาทันทีแล้วเดินตรงไปตามเส้นทางของถ้ำ
อาคาชิก็เช่นเดียวกันเขาโอบอุ้มฟุริฮาตะเดินตามไปด้วยคน
แต่สีหน้าของอาคาชิก็ดูไม่ค่อยสู้มากนักเขากังวลมากเสียด้วยซ้ำไปเวลาเหลืออีก 12
ชั่วโมงก่อนที่คำสาปแล้วชีวิตของเขาจะดับสูญ
ทางเดินที่เริ่มมืดมิดเข้าไปเรื่อยๆเงาสีดำกำลังกลืนกินเขาทุกย่างก้าวที่เดินและอากาศในนั้นก็เริ่มเย็นอับชื้นขึ้นเรื่อยๆพวกเขาทั้งสี่ใช้เวลาในการเดินเข้าไปในถ้ำใช้เวลาล่วงเลยไป
3 ชั่วโมงกว่าๆ
จนเห็นแสงสว่างของดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาก็แสดงว่าสุดปากถ้ำแล้วพวกเขาทั้งสี่เดินออกมาทันทีหญ้าทีเงินที่เปล่งแสงเมื่อต้องกลับแสงจันทร์สาดส่งแหล่งหิงห้อยสายรุ้งที่ล่องลอยไปมาตามอากาศตัวหมู่บ้านที่เกาะกลุ่มกันเรียงรายกันเป็นหลังๆเหล่าปีศาจนานาสายพันธุ์แห่งภูเขามาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้
“เป็นไงสวยใช่ไหมล่ะ”
โมริยามะพูดแล้วหันไปมองอาคาชิ
แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นถึงจะรู้ว่าภาพตรงหน้านั้นสวยเพียงใดแต่ก็ไม่อาจคลายความกังวลเกี่ยวกับฟุริฮาตะมิได้เสื่อมคลายไปได้
“เจ้าเด็กนั่นสำคัญกับนายขนาดนั้นเลยเหรอ..”
โมริยามะเป็นฝ่ายออกปากถามเมื่อเห็นว่าอาคาชิไม่พูดไม่จามาตั้งแต่เมื่อก็นี้แล้ว
“ไม่รู้..แต่ข้าอยากปกป้องเขาก็เท่านั้นเอง” อาคาชิหลุบหน้าต่ำลงเล็กน้อยแล้วตอบออกไป
และบรรยากาศแห่งความเงียบก็ปกคลุมเขาอีกครั้งคราวนี้โมริยามะไม่รู้จะพูออะไรต่อแล้วเขารีบขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้านเขาทันที
อาคารออกไม่นั่งข้างนอกบ้านของโมริยามะเขานั่งอยู่ที่ม้านั่งที่ทำจากไม้โอ๊กนั่งมองดูหิงห้อยสายรุ้งที่กระจายกระจายกันอยู่แล้วเขาชายตามองฟุริฮาตะที่หอบหายใจทรมานยิ่งกว่าครั้งก่อนเอาไว้ในอ้อมแขนเป็นระยะพลางคิดไปว่า
ถ้าหากฟุริฮาตะได้เห็นจะมีสีหน้ายังไงกันนะ จะดีใจกับความตระการตาของธรรมชาติแห่งนี้รึเปล่า
กันนะ
อาคาชิชอบมองฟุริฮาตะเวลาที่เขายิ้มดีใจและมีความสุขทุกครั้งเมื่อเขาเห็นความมีชีวิตชีวาของฟุริฮาตะก้อดอิจฉาไม่ได้
ถ้าหากเขาเป็นได้แบบนั้นก็ดีสิ...
ริมฝีปากได้รูปสวยยิ้มน้อยๆอกมาดมื่อเขามองฟุริฮาตะ
“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายต้องตายหรอกฉันจะหาวิธีถอนพาให้นายอย่างแน่นอนฟุริฮาตะ”
มือเรียวสีซีดลูบเส้มผมสีน้ำตาลอย่างเอ็นดูก่อนจะผล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและการต่อสู้
สายลมเย็นๆที่เบาสบายกลิ่นของเด็กไม้ที่โชยมาตามลมแมกไม้หลากสีกระทบกันเสียงบทเพลงดังซ่าๆของต้นไม้ชวนให้จิตใจรู้สึกสงบผ่อนคลายสบายจิตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอาคาชิเขาแทบไม่รู้เลยว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มาผ่อนคลายอยู่แบบนี้มาตั้งนานแล้ว
เสียงของสายลมยังคงพัดต่อไปดวงดาวที่ส่องแสงประกายระยิบระยับพระจันทร์ที่คอยสาดแสงส่องลงมายังพื้นโลกปีศาจ
แสงของนอกกาที่บินออกหากินกับเสียงของนกฮูกปีสาจที่คอยร่ำร้องออกหาอาหารทักทายผืนป่าที่อยู่บริเวณรอบๆ
แต่แล้วความสงบสุขก็คงอยู่ได้ไม่นานนักเสียงแผ่นดินที่กำลังสั่นไหวเสียงมันดังตึงตังเป็นจังหวะของเสียงเท้าคนเดินถ้าบอกว่าเป็นยักสายรุ้งก็คงไม่ใช่หากแต่ว่าเสียงนี้ความสั่นสะท้านของแผ่นดีนี้รุนแรงยิ่งกว่า
อาคาชิลืมตาตื่นขึ้นมาดูให้แน่ใจทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเขาก็แทบจะสะดุ้งเล็กน้อยร่างของมังกรเพลิงสีแดงขนาดใหญ่กำลังพ่นไฟเผาหมู่บ้านเสียงชาวบ้านพากันแตกต่นกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวมันทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าอะไรที่อยู่ข้างหน้ามันๆก็จะทำลายไปให้หมดไม่เหลือซากแต่จะเหลือไว้เพียงเศษวากของชี้เถ้าและร่องรอยของเศษสิ่งของที่ไหม้เกรียมก็เท่านั้น “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ”
โมริยามะวิ่งซมวานอย่างเหนื่อยหอบออกมา “ข้าไม่เป็นอะไรแล้วนี่กำอะไรขึ้นกันแน่”
อาคาชิถามอย่างสงสัย
“ดูเหมือนจะมีพ่อมดต่างเมืองมาแอบอันเชิญสัตว์ประหลาดเพื่อมาทำลายหมู่บ้านของพวกเราน่ะจะทำยังไงดี”
โมริยามะสีหน้าถอดสีทันทีเขาลนลานจนทำอะไรไม่ถูกแล้วแข้งขาของเขาสั่นไปหมด
“หากแม่มดซัทสึกิเป็นอะไรไปล่ะก็”
“เลิกพล่ามสักทีได้ไหมข้ารำคาญ..” อาคาชิพูดเสียงเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความหวังดี
“ถ้าเจ้าคิดว่าเธอตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ๆไปช่วยเธอซะสิ “
“เมื่อตอนนั้นเจ้าพูดอวดเก่วใส่ข้าเยอะเลยนี่” อาคาชิจ้องหน้าเขานิ่ง
“หรือว่าพอเอาเข้าจริงๆแล้วขี้ขลาดกันแน่นะ หืม..” อาคาชิแสยะยิ้มเย้ยหยันเมื่อหันท่าทางอันอ่อนแอของโมริยามะ
“นั่นสินะ..”
โมริยามะเริ่มคิดได้ใช่แล้วเขาเคยปฏิญาณตนเอาไว้ว่าจะอยู่เพื่อปกป้อง
โมโมอิ ซัทสึกิเท่านั้น แล้วก็มุ่งหน้ารีบวิ่งออกไป
“ทำไมท่านพ่อถึงได้ทำแบบนี้ท่านมีเหตุผลอะไรทำไมถึงต้องเผาหมู่บ้านด้วยลูกทำอะไรผิด”
เด็กน้อยพูดทั้งน้ำตาและได้แต่นั่งร้องไห้คุกเข่าอยู่อย่างนั้น
“ตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยตั้งใจฝึกวิชาเวทย์มนต์คาถาอีกเลยใช่ไหมหืม..”
ชายแก่ไว้หนวดเครายาว เฟื้อยสีขาวสวมชุดสีดำทั้งชุดพร้อมกับหมวกแหลมสีดำสวมอยู่ที่หัวศิรษะล้านเตียนแต่ใบหน้ากลับดูโหดเหี้ยมและดุดันชายแก่เดินตรงไปที่ลูกสาวของตนพร้อมใช้ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ฟาดเข้าที่แก้มด้านซ้ายต่อด้วยการทุบตีทั้งร่างกาย
“ฮื่อ..ฮึก..จะเจ็บ” ตามเนื้อตามตัวของเด็กน้อยเต็มไปด้วยรอยแผลฝกช้ำตรงไหนที่โดนเข้าอย่างจังบางทีก็ห้อเลือด
“ไอ้ปีศาจตนนั้นใช่ไหมมันชื่อ โมริยามะใช่ไหม
มันตกหลุมรักเจ้าเจ้าก็ตกหลุมรักมัน..หึเจ้าลืมไปแล้วรึไง ซัทสึกิว่ากฏของพ่อมดแม่มดน่ะว่ายังไงเจ้าคงไม่ลืมมันไปหรอกใช่ไหมต่อให้เจ้าจะอายุเพียงสิบปีก็อย่าได้ขัดคำสั่งเจ้าลืมไปแล้วรึไง”
ซัทสึกิไม่พูดเปล่าเธอมองหน้าคนพ่อด้วยสายตาที่ว่างเปล่าสมองหยุดสั่งการไปสักพัก
โมริยามะเจ้ามัวไปทำอะไรอยู่กันนะ
เจ้าคงจะเกลียดข้าไปทั้งชีวิตแน่ๆถ้ามารู้ความจริงว่าคนที่เผาหมู่บ้านนี้คือพ่อของเราเราจะทำยังไงดีดีไม่ดีอาจจะถูกอาฆาตแค้นแล้วก็เป็นได้ข้าควรจะทำอย่างไรดีนะโมริยามะ...
“โฮกกกกกกกกกกกก” “ตูม!!!!!!!!”
เสียงกิ้งก่าขนาดยักษ์บินได้พ่นไฟได้ยิงลูกไฟมาทางอาคาชิแต่อาคาชิก็หลบได้ทุกครั้งโมริยามะนั้นอพยพปีสาจทุกตนในหมู่บ้านพาไปในที่ๆปลอดภัย
เขารีบไปช่วยเทพธิดาน้อยวัทสึกิของเขาทันที
“ซัทสึกิ..” “ซัทสึกิ..”
“ซัทสึกิ..!!!!”
โมริยามะทำไมถึงได้.. เจ้ามาช่วยเราเหรอแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก
“หึ..” ชายแก่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจ้าจะทำอะไรกับเด็กคนนี้ก็ได้ ปีศาจนายพราน”
ในสภาพที่ถูกมัดด้วยเชือกที่ร่ายด้วยเวทย์มนต์ดำที่แก่กล้ากว่า
“เห..หนูน้อยน่ารักจังเลยนะ..”
ปีศาจนายพรานร่างกายสีเขียวดวงตากลมโตหน้าตาน่าเกลียดกำลังใช้มือที่มีเล็มยาวสีดำสกปรกลูกคลำไปมาที่ต้นขาของซัทสึกิ “จะ...จะทำอะไรน่ะไม่นะ ฮึก..ไม่นะ” “โมริยามะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เด็กน้อยตะโกนสุดเสียงต่อให้เสียงของเธอต้องหายไปจากลำคอเธอก็จะตะโกนเรียกหาโมริยามะให้จงได้
“ซัทสึกิ!!!!!!!!!!!!!!”
โมริยามะตะโกนเรียกเธออยู่เมื่อเขารู้ว่าเสียงของเด็กน้อยอยู่ตรงไหนก็รีบวิ่งพุ่งทะยานด้วยความเร็วแสงทันทียังไม่พอเพียงแค่นั้นเข้าได้ง้างมีดพับขนาดใหญ่รวมถึงถือขงานเล่มใหญ่ไว้ในมือฟาดกระหนุ่มลงไปที่นายพรานปีศาจที่กกำลังจะกระทำการบัดสีอนาจารใส่ผู้เยาว์ทำให้ตัวของเขาขาดออกเป็นสองท่อนเลื่อดสีเงินที่ไหลทะลักออกมานอกร่างกายพุ่งกระฉูดไปทั่วอนาเขตทุกบริเวณนี้ซ้ำร้ายไปกว่านั้นตัวอักขระอักษรอาคมก็ได้ลอยออกมาตามไปด้วยแล้วจางหายไปในอากาศนายพรานปีศาจแท้จริงคือตุ๊กตาวูดูหุ่นเชิดของพ่อมดพ่อของซัทสึกิเพียงเท่านั้นเศษฟางของต็กตากระจัดกระจายแล้วถูกเผาทันที
สร้างไฟบันดาโทสะให้กับโมริยามะเป็นอย่างมากถึงแม่จะโกรธแต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดออกมาโดยตรง
มีดเล่มโตพุ่งเข้าไปหาพ่อมดแต่เขาก็สามารถหลบได้ทุกครั้งขนาดที่โจมตีในระยะประชิดเขายังสามารถใช้คากามนต์ดำวาบได้อีกต่างหาก
ปีกค้างควาที่กระพือสะบัดหลบหลีกลุกไฟสีส้มแดงที่ร้อนระอุขนาดเท่าลูกบาสสเก็ตบอลพุ่งมาหาเขาความว่องไวที่ขึ้นชื่อของแวมไพรืหลบหลีกได้อย่างสบายโดยไม่เสียการทรงตัวเลยสักนิดเดียว
ต่างฝ่ายต่างมีข้อดีข้อเสีย
อาคาชิที่ตัวเล็กกว่ามันมากแต่หากมีความว่องไวเป็นเลิศในความสามารถในการหลบหลีกคล่องแคล่งในสถาพจู่โจมแต่เมื่ออยู่ในสภาพป้องกันนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถหลบหลีกได้นานขนาดไหนแล้วก็เริ่มเหนื่อไว
ตรงข้ามกับศัตรูที่เป็นถึงกิ้งก่าไฟร่างยักษ์ขนาดมหึมาที่มีทั้งพละกำลังที่เหนือกว่าเขาเป็นพันๆเท่าแต่การเคลื่อนไหวนั้นช่างเชื่องข้าเสียเหลือเกิน
เมื่อสบโอกาศที่รอจังหวะให้เจ้ามังกรให้พลาดท่าให้เขาเสียจงได้อาคาชิได้คิดแผนการอันชาญฉลาดของเขาขึ้นในหัวสมองภายในเสี้ยววินาทีหนึ่ง
“ถ้าหากว่าจอมตีไปที่ส่วนไหนแล้วไม่สะทกสะท้านเลย
จะว่าไปแล้วพอข้าลองมาคิดดูดีๆแล้วถ้าลองจิ้มลูกตามันทำให้มันตาบอดขึ้นมาล่ะจะเป็นยังไง”
ไม่รู้ว่าวันนี้เขาแสยะยิ้มไปครั้งที่เท่าไหร่กันแน่แล้วต่ที่แน่ๆความกระหายในการไล่ล่าของอาคาชิยังไม่จางหายดวงตาข้ายซ้ายเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลืองทองเหมือนดวงตาของแมวป่าทันทีเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมาราวกับว่านั่นไม่ใช่ตัวของเขาเองเลยอย่างใดอย่างนั้นกันแน่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเขารีบพุ่งไปยังพิกัดเป้าหมายที่เขาตั้งไว้
พร้อมร่ายเวทย์ศาสตราแห่งความืดเรีกอาวุธกรรไกรสีแดงเลือดขนาดใหญ่จิ้มเข้าไปที่ลูกตาของมังกรเพลิงไม่จบเพียงเท้านั้นเขางื้อมีดเกล็ดมังกรสายรุ้งเฉือนถลกหนังเกล็ดมังกรออกเป็นชิ้นๆ
“ถ้าจะมาสู้กับข้าก็หัดสำเนียกตัวเองเอาไว้ซะบ้าง”
คำพูดที่เย็ชากล่าวทิ้งเอาไว้ก่อนที่มังกรจะตายลง
แต่หากยังก่อนก่อนที่มันจะตายมันใช้หางอันทรงพลังของมันฟาดอาคาชิกระเด็นเข้ากลีบพุ่มไม้
ตัวที่กระแทกเข้ากับลำต้นอย่างจังเล่นเอาอาคาชิคนนี้แทบจะล้มสลบเหมือบลงไปกับพื้นจะแทบทันที
“บ้าเอ้ย..”
โมริยามะสบบคำด่าอกมาไม่ว่าจะโจมตีเท่าไหร่กลับไม่โดนชายแก่เลยซักนิด
“เจ้าจัดการข้าไม่ได้หร้อก...” พ่อมดชราเน้เสียงสูงเป็นเชิงในการเยาะเย้ย
“หนวกหู” โมริยามะพูดเสียงแข็งใบหน้าเต็มไปด้ววยความโกรธจัด
“ไม่ได้นะโมริยามะ..เจ้าอย่าได้ไปสู้กับคนคนนะ..เปรี้ยง!!!!”เสียงสายฟ้าสีดำพุ่งพรวดตรงมาช็อดร่างของแม่มดน้อยซัทสึกิทันที
“หุบปากไปซะไอ้ลูกเลว” คำด่าของชายแก่ทำให้โมริยามะหยุดชะงัก
“แกเป็นพ่อของซัทสึกิใช่ไหม..” “เจ้าคนนอกอย่างแกไม่จำเป็นต้องรู้” “ฉัวะ..........” จู่ๆหนามแหลมขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าที่กลางหลังเสียบทะลุงท้องของเขาออกมาเลยทำให้เลือดสีดำไหลละลักออกมา “อัก” โมรยามะกระอีกเลือดออกมาก่อนจะก่นด่าออกมา“ไอ้บ้าเอ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ขณะเดียวกันเมื่อหลังจากที่อาคาชิเริ่มมีสติของตนเองได้แล้วก็เดินโซซัดโซเซออกไปจากพุ่มไม้เขาเห็นโมริยามะถูกแทงตาต่อหน้าเด็กน้อยที่กำลังร่ำไห้อยู่ตรงนั้น “ โมริยามะ..”
“โมริยามะ” เด็กน้อยร้องเรียกชื่อของยักษ์หนุ่มที่เป็นที่รักอย่างฟูมฟาย
“แม้ว่าสีของเลือดจะแดงเข้มแต่ก็ไม่เข้าเท่ากุหลาบที่ฉันหมอบให้เธอ..”
เขาทำเสียงติดตลกแล้วหัวเราะแห้งๆออกมามันคนจะบ้าบอคอแตกไม่เข้าท่าจะตายทั้งทีก็ต้องยิงมุขเป็นการส่งท้ายถึงจะถูกเขาคิดอย่างนั้นแล้วยิ้มให้เธอเสียกอะคอกไอเป็นเลือดออกมาจากปากของเขาเป็นครั้งสุดท้ายแววตาสีเทาชายตาไปมองอาคาชิที่อยู่ตรงพุ่มไม้แวบหนึ่งแล้วยิ้มให้ก่อนจะสิ้นลมหายใจตายนาทีนั้นเอง
“เจ้าบ้า..ทำไมถึงต้องเล่นมุขเอาตอนนี้ทำไมเจ้าถึงต้องทำกับข้าอย่างนี้ไหนบอกว่าจะไม่ทิ้งข้าไงตื่นขึ้นมาสิๆๆๆๆๆโมริยามะ!!!!!!!!!!!!!!” เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดทรมานที่บีบรัดทิ่มแทงอยู่ในอกแตกออกเป็นเสี่ยงๆดังก้องออกมาผ่านเสียงกรี๊ดที่ดังลั่น
“หึ..
ร่ำลากันกันเป็นละครโศกเสร้จแล้วใช่ไหมงั้นเจ้าก็จงตามไปกับมันซะเถอะ..”
ในมือของพ่อมดชราเงื้อมกรีกที่ถือเอาไว้เหนือหัวกำลังจะเตรียมปลิดชีพชีวิตของซัทสึกิน้อย
“อั่ก...มะ..ไม่จริงน่า..จะ..เจ้า..ป..ร”
กรงเล็บที่แหลมคมด่าบดาบเหล็กกล้าทะลุทะลวงหัวใจของชายแก่อย่างไม่ทันตั้งตัวร่างสังขารอันเหี่ยวหย่นล้มลงกับพื้นไม่มีท่าทีจะพื้นคืนชีพขึ้นมาแม้แต่น้อย
อาคาชิเอามืออกเมื่อแน่ใจว่าเขาตายแล้วมือที่เต็มไปด้วยเลือดเดินตรงมายังร่างไร้วิญญาณของโมริยามะ
เขาใช้หอกเกล็ดมังกรสายรุ้งที่เขาเอาซ่อนเอาไว้ในสักแห่งของร่างกายออกมากีดหน้าออกควักหัวใจที่กำลังจะหยุดเต้นออกมา
แล้วรีบกางปีกค้างคาวบินโฉบไปฉุดฟุริฮาตะมาแล้วกลับไปที่เดิม
เขาใช้มือบีบเค้นเลือดจากหัวใจของโมริยามะกรอกใส่ปากฟุริฮาตะที่ชักกระตุกจนตัวแทบลอย
ขอร้องล่ะ...ได้โปรดช่วยฟื้นกลับมาหาข้าได้โปรด
แต่ร่างนั้นกับไร้ปฎิกิริยาตอบสนอง
บัดนี้แล้วหัวใจของฟุริฮาตะหยุดเต้นทันที
เรื่องโกหกใช่ไหมฟุริฮาตะตายไปแล้วสินะไม่ทันงั้นเหรอทำไมเขาตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนอย่างเขากันเล่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดทำไม่ถึงรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ทำไมทำไมกัน
อาคาชิคนนี้ถึงไม่เข้าใจ
นาฬีกาที่ทำจากไม้อันเก่าจนตัวไม้นั้นแทบจะผุลงไปแล้วอาคาชิล้วงกระเป๋ากางเกงออกขึ้นมาดู
แทบจะใจหายเพราะเขาช้าไปเพียงแค่หนึ่งวินาที
และพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาใช้เวลาในการต่อสู่ทั้งหมดร่วมสิบสองชั่วโมงด้วยกัน
“อืม..”
นัยน์ตาสีเฮเซลลืมตาขึ้นมาภาพของใครบางคนที่อยู่ตรงหน้าสะท้องดวงตาเขาอยู่นั้น “ที่นี่ที่ไหนกันนะผมเป็นอะไรไป” มองไปรอบๆฟุริฮาตะรู้สึกแปลกใจอย่างมากบรรยากาสรอบด้านเปลี่ยนไปจากน้ำตกป่าต้นไม้หลากสีที่เขาเห็นบัดนี้คงเหลือเพียงหมู่บ้านที่ไหม้เกรียมเหลือไว้คู่อยู่กับธรรมชาติไปซะงั้น
“เจ้ายังสบายดีอยู่รึเปล่าแม่มดซัทสึกิ”
อาคาชิเดินเข้าไปถามเด็กน้อย แต่สิ่งที่โต้กลับมามีเพียงแต่ความนิ่งเงียบไร้การตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
ดูเหมือนว่าซัทสึกิเองคงจะช็อกมากกับเหตุการณ์ที่ตนได้เห็นและได้รับการสูญเสียบุคคลสำคุญอันเป็นที่รักของตนจากไป
“เจ้านั่น..โมริยามะฝากข้อความมาบอกเจ้าก่อนหน้านี้ว่า”
“จงเข็มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไปใช้ชีวิตในส่วนที่เหลือนี้เผื่อข้าด้วย”
หยาดน้ำตาใสๆไหลเอ่อล้นออกจากเบ้าตาของทั้งสองข้างของเธอลงมาแอบแก้ม
เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะความเศร้าโศกที่โมริยามะจากไปแต่หากเป็นการขอบคุณเขาต่างหากที่ช่วยปกป้องเขาที่ช่วยยื้อชีวิตของเขาเอาไว้
และคิดไว้อีกว่า เขาจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อโมริยามะที่สละตัวเองปกป้องเธอในส่วนที่เหลือด้วย
เพราะว่าการร้องไห้ไม่ได้แสดงถึงความโศกเศร้าเสียใจเจ็บปวดหรืออ่อนแอเสมอไป
มันยังสามารถร้องไห้ออกมาเพื่อความรู้สึกถึงความปิติซาบซึ้งสรรเสริญขอบคุณได้อีกต่างหากล่ะ..
โมโมอิ ซัทสึกิ ยืนขึ้น ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งปาดน้ำตาออก
“นี่ไม่ใช่เวลาที่ข้าต้องมาร้องไห้..ขอบคุณนะที่มีชีวิตอยู่เพื่อข้ามาตลอดโมริยามะ
และถึงตาข้าที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเจ้าบ้างได้รึเปล่า”
เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีม่วงที่ปราศจากดวงดาวมีเพียงดวงจันทร์ที่ส่องสว่างเจิดจ้าส่องสว่างอยู่
ณ บนนั้น
หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้น...
“ท่านช่วยอะไรข้าอย่างหนึ่งได้หรือเปล่า”
โมริยามะอ้อนวอนขอร้องอาคาชิ
“อะไรมีอะไรว่ามา”
ในระหว่างการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่อยู่อาคาชิหันกลับมาเพื่อรอฟังในสิ่งที่เขาพูด
“ข้าน่ะรู้สึกสังหรณ์มาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วว่าข้าอาจจะตายก็ได้ถ้าข้าตายแล้วท่านจะทำอะไรกับข้ารึเปล่า”
โมริยามะตอบคำถามเขาในขณะที่เหล่าปีศาจค่อยๆทยอยกันอพยบ และเบาบางลงไปเรื่อย
“ทำอะไรน่ะเหรอก็เอาไปถอนพิษคสาปให้ฟุริฮาตะน่ะ”
“นั่นน่ะสินะ”
“ถ้าเจ้าตายแล้วเด็กนั่นจะอยู่ยังไงกันล่ะ” อาคาชิยิงคำถามกลับไปโมริยามะแทบจุกอยู่ที่หน้าอกและลำคอ
แต่อาคาชิยังไม่จบเพียงเท่านั้นเขาเสริมคำพูดไปอีก “เด็กนั่นจะเป็นอยู่ตายร้ายดียังไงก็ไม่สนยังนั้นหรือ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ทำให้โมริยามะอึ้งและนึ่งเงียบไปซักพักก่อนจะคิดได้
“ข้าขอฝากคำพูดนี้ให้ซัทสึกิหน่อยได้ไหม อาคาชิผงกหัวเล็กน้อยแทนคำพูดจา
“ข้า...................... ......
“นี่..เอ่อคุณอาคาชิครับในระหว่างที่ผมสลบไปนี่เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ”
ในระหว่างการเดินทางและเห็นว่าเจ้าตัวไม่ยอมพูดยอมเจอวึ่งปกติก็แทบจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วด้วยความสงสัย
“เปล่าไม่มีอะไร” “แต่ว่า..” “รีบเดินทางได้แล้วหนทางของพวกเรายังอีกยาวไกล”
“และข้าก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่าอะไรให้เจ้าฟังหรอกนะเรื่องมันยาว”
อาคาชิแทรกขึ้นพร้อมกับคำพูดที่ตัดบทสนทนากันอย่างรวดเร็ว
ฟุริฮาตะทำหน้าอ๋อยทันทีที่โดนดุอย่างไม่ทราบสาเหตุ
12 หน้า A4 ที่ใช้เวลานานในการอัฟแบบเต่าคลาน...แต่ก็นะอย่างว่าแหล่ะเราก็จะทยอยอัฟไปเรื่อยๆล่ะนะ // BY
Yuhey
ความคิดเห็น