FictionYAOI - [KNB] - Akashi x Furihata >> love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ [[ Chapter 03 ]]

 Fiction  YAOI 

kuroko no basket 

Akashi x Furihata 

PG

Chapter 03

 By Yuhey







Chapter 03

“โคมะ!!!” เสียงตะโกนหวีดร้องดังก้องออกมาสุดเสียงชายหนุ่มในชุดสีขาวเครื่องแบบเหมือนๆกันบนอกเสื้อของแต่ละคนที่มีเข็มกลัดรูปไม้กางเขนติดปีกสีทองพร้อมอักษรตัว SSS ที่ข้างซ้ายกำลังวิ่งอย่างสุดกำลังและกำลังมุ่งหน้าไปยังวิหารหอคอยขนาดใหญ่ที่สูงเฉียดฟ้าสีขาวกับลวดลายสัญลักษณ์ของเทพีนางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ที่แกะสลักเป็นรูปปั้นอยู่ใจกลางหอคอยขนาดมหึมาที่กำลังยื่นมือทั้งสองข้างเข้าหากัน “ทุกคน..” เสียงของใครบางคนที่พึมพำออกมาแผ่วเบา
“ทำไมกันล่ะ..ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มผมสีพฤกษา จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนนิ่งอยู่ที่รูปปั้นเทพีแห่งสวรรค์ด้วยความสลดปนความหดหู่เล็กๆ
เมื่อได้ยินเสียงทึกทักของเจ้าของสุดยอดเวทย์แห่งการคำนวณและการรักษาที่สวมแว่นตาพร้อมนัยน์ ตามรกตลุ่มลึก ร่างสูงที่มีภูมิฐานสมกับความเป็นผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้วถึงแม้ว่าความสูงอาจจะมีน้อยกว่าร่างสูงโย่งผมสีเขียวก็ตามที
ร่างโปร่งหันมามองเขาสักพักแล้วอมยิ้มออกมาบอกว่าไม่เป็นไรแต่ในใจกับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงความอาลัยอาวรณ์ที่ส่งผ่านจากดวงตาสีเฮเซลต่อให้ไม่ต้องใช้เวทย์แห่งการคาดเดาก็สามารถรับรู้ได้
ไม่นานนักที่เหล่าสมุนรวมกับพรรคพวกเพื่อนพ้องเอ็กซอร์ซิสต์ด้วยกันก็ใช้เวทย์แห่งปีกเสกตนให้บินขึ้นกรูเข้ามาในวิหารที่สูงเฉียบฟ้าอยู่ที่หลังเกาะแอลลิก้า 5-6 คน  “นายแน่ใจแล้วเหรอโคมะ” เสียงของใครคนหนึ่งแทรกขึ้นแว่นกรอบโลหะทรงรีสะท้อนวาบกับแสงแดดยามเย็นที่กำลังจะพบค่ำจะเป็นใครไม่ได้นอกจากฮิวงะนั่นเอง “อืม..นั่นสินะ” ใบหน้าละอ่อนนิดๆแต่ออกไปทางหล่อเสียมากกว่ากำลังลังเลอยู่เมื่อครู่ลักษณะภายนอกโดยรวมละม้ายคล้ายคลึงกับฟุริฮาตะ โคคิผู้เป็นน้องแต่ออกไปทางหล่อคมเข้มกว่า โคคิ ที่ออกไปทางใสซื่อเสียซะมากกว่า แววตาใสแวววาวคล้ายกับกระจกแก้วสีช็อกโกแลตสะท้อนใบหน้าของพวกพ้องก่อนจะพูดออกไปพยายามไม่ให้เสียงสั่นเครือว่า “ทุกคน..ขอบคุณที่เป็นห่วงนะแต่มันก็ถึงเวลาแล้วล่ะเพราะว่า..” คำพูดที่ขาดช่วงไปพร้อมกำนิ้วที่ชี้ไปบนผืนฟ้าที่กำลังปกคลุกด้วยความมืดทีละนิด
แล้วมาพร้อมกับเหล่าขบวนภูตผีปีศาจนับล้านตนที่กำลังเหาะเหินล่องแล่นอยู่ที่พื้นฟ้าอย่างเริงร่าก่อนจะร่อนลงมายังหมู่บ้านรวมถึงตัวเมือง “แต่ว่ายังไม่จบแค่นั้นหรอกนะ” โคมะพูดเสียงเย็นก่อนจะชี้ไปมองบนหัวของรูปปั้นเทพีแห่งสวรรค์
ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่มีคนมายืนอยู่บนรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วผ้าคลุมสีม่วงอมแดงที่ขาดวิ่นกับสร้อยคอหัวกะโหลกของภูติพรายที่อาศัยอยู่ในป่าห้อยประดับคอเอาไว้ ผมสีดำเงากับใบหน้าที่หล่อเหลาและบวกกับสีหน้าที่เคร่งขรึมหน้าเกรงขามอย่างทำให้ดูเหมือนเป็นผู้ทรงมีอำนาจทุกสายตาของเหล่าเอ็กซอร์ซิสต์ระดับ S- SS และ SSS จับจ้องอยู่ที่ร่างสูงปริศนาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวที่ได้เจอบรรยากาศโดยรอบบริเวณตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด ทุกคนอยู่ในอาการตกใจชนิดแทบพูดไม่ออกเม็ดเหงื่อที่ไหลคล้อยลงมาตามโครงใบหน้า
“บะ...บุตรแห่งซาตาน..นิจิมูระ!!  น้ำเสียงสั่นเครือของใครบางคนในกลุ่มเพื่อนพ้องดังขึ้นอย่างหวาดกลัว
โคมะเห็นดังนั้นก็คงไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากปกป้องเพื่อนพ้องของตนเองและเขาเองก็คงคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าตัวเองอาจจะถูกต้อนจนมุมแล้วก็ได้
ทุกคน...
ขอโทษนะแต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็จะปกป้องพวกนายรวมถึงมนุษย์ทุกคนให้ได้ฉันไม่อยากเห็นใครต้องมาตายและไม่อยากให้พวกนายบาดเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้วต่อให้ตัวฉันจะหายไปก็ตาม 

เขารำพึงกับตัวเองในใจ
“ในที่สุดข้าก็หาตัวเจ้าเจอสักที..เจ้าหนุ่มที่มีพลังของเทพีแห่งสวรรค์สถิตร่าง” เสียงเย็นชาที่ดังออกมาจากปากของบุตรแห่งซาตาน  “นั่นสินะ..ฉันน่ะไม่ยอมให้นายทำอะไรไปมากว่านี้ได้หรอก”  “เจ้าหมายความว่ายังไง” นิจิมูระแปลกใจกลับคำพูดที่ออกมาจากปากของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสักพักหนึ่งก่อนที่คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นการประกาศสงครามได้จุดฉนวนขึ้น  “ก็หมายความว่าคุณต้องข้ามศพฉันไปก่อน” สิ้นเสียงประกาศด้วยความแข็งกร้าวและแน่วแน่แตกต่างกับที่ทุกคนที่ตกตะลึงกับคำพูดที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะออกมาจากปากของโคมะ

แสงกัมปนาทสาดแสงเปรี้ยงปร้างใส่กันบ้างก็ต่อสู้กันในรูปแบบอาวุธปืนรึจะเป็นในรูปแบบของหอกและดาบ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ทั้งมนุษย์และปีศาจ แต่ก็มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เสียเปรียบแน่นอนว่าฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่นั้นก็คงเป็นฝ่ายของ เอ็กซอร์ซิสต์ที่มีจำนวนคนไม่ถึงสิบและด้วยจำนวนของเหล่าทหารและกองกำลังของพวกปีศาจหรือแม้กระทั่งภูติผีก็ยิ่งเป็นการเพิ่มจำนวนเข้าไปอีก “อิสึกิ!!!!!” เสียงตะโกนของฮิวงะดังขึ้นมาด้วยความใจหาย ร่างบางของชายหนุ่มผมดำถูกซักกระเด็นติดเสาพระวิหารโบหิตสีชาดที่ไหลออกมาด้วยร่างของเพื่อนพ้องคนสำคัญอย่างอิสึกินอนแน่นิ่งหมดสติไป รอบๆบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงามแต่ตอนนี้กลับฉาบไปด้วยสงครามรอยแตกร้อยของเห็นปูน รวมถึงพวกปีศาจที่นอนนิ่งไร้ซึ่งลมหายใจส่วนฝ่ายเอ็กซอร์ซิสต์ที่กำลังหอบโรยรินนอนหมดสติกันทั้งหมด  
โคมะที่ได้แต่มองเพื่อนๆที่กำลังบาดเจ็บระบมทั้งตัวหายใจรวยรินอย่างอ่อนแรงโดยหมดหนทั้งสู้หมดสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้วอย่างสมบูรณ์
ถึงจะเป็นแบบนั้นตัวเขาเองก็คงจะแทบไม่ต่างกันแต่พลังในการต่อสู้ของเขาก็ยังมีล้นเหลือเสื้อผ้าเครื่องแบบสุดเนี้ยบที่ทักทอด้วยเส้นไหมสีขาวชั้นดีขาดวิ่นเปื้อนรอยไหม้ของเวทย์ไฟฟ้าและกับระเบิดของมังกรดูจากสภาพก็แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของเครื่องแบบเอ็กซอร์ซิสต์เลยแม้แต่น้อย
ถัดมาถึงรอยบาดแผลที่มีทั้งรอยฟันจากมีดและดาบรวมถึงปากแผลที่มีเลือดโชกอยู่บริเวณหน้าท้องที่ถูกแทงซ้ำอยู่หลายครั้งตัวเขาเองก็กระอักเลือดออกมาหลายหนอยู่เหมือนกัน
รอยกรีดทางยาวและรอยแผลลึกตื้นที่มีโลหิตสีชาดไหลซึมบ้างก็พุ่งกระฉูดออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่ตามร่างกายของเขา “หึดูเหมือนว่าเจ้าคงจะเจ็บหนักน่าดูเลยนี่เจ้าของพลังเทพีแห่งสวรรค์” บุตรแห่งซาตานยิ้มอย่างเย้ยหยันในขณะที่ตนเองได้รับบาดแผลเพียงเล็กน้อยที่บริเวณสีข้างด้านซ้าย
“ชิ..” โคมะสบบออกมาอย่างหน้าสังเวชเขาหมดหนทางแล้วที่จะต่อกรกับนิจิมูระที่ครองตำแหน่งเจ้าแห่งปีศาจรุ่นก่อนเขาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าในที่สุดวันนี้ต้องมาถึงเข้าสักวันแน่ๆโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ความคิดในหัวได้แต่ย้ำให้เขาใช้ไพ่ตายสุดท้ายในการปลิดชีพนิจิมูระให้ได้แต่อีกใจก็สั่งห้ามโดยภาพของเหล่าเพื่อนพ้องในโรงเรียนเอ็กซอร์ซิสต์คนสำคัญได้ผุดขึ้นมาเรื่องราวต่างๆนาๆที่ย้อนขึ้นมาราวกับหนังม้วนเก่าที่ฉายซ้ำมันเริ่มฉายขึ้นมาเรื่อย แต่ในขณะที่เขากับทำสิ่งที่ใจอีกใจหนึ่งบอกเขาปากที่กำลังขยับท่องคาถาสวดมนต์ขอพลังจากเทพีแห่งสวรรค์
ในนามของข้า เฟอร์ริต้า โควมัส  ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งพลังสถิตร่างของเทพีแห่งสวรรค์ พลังแห่งความบริสุทธิ์จงเป็นพลังห็แก่ข้า.. จงมอบพลังให้แก่ข้าเทพีแห่งสวรรค์

“เจ้าคิดที่จะทำอะไรเปล่าประโ...”  “หืออะไรกันพลังแบบนั้น..” นิจิมูระนิ่งอึ้งตกตะลึงไปซักพักหลังจากที่เห็นปีกสีขาวบริสุทธิ์ที่งอกกระเพือออกมาจากหลังของโควมะ ปีกขนาดมหึมากางออก พลังไฟสีเหลืองประจุไฟฟ้าดวงกลมๆค่อยขยายใหญ่ขึ้น
“รึว่า” นิจิมูระตะโกนออกมาก่อนที่จะถูกแสงไฟดวงใหญ่ประจุไฟฟ้าขนาดยกดูดกลืนเข้าไปแล้วระเบิดออกมาเป็นวงกว้างผู้ที่เป็นถึงบุตรแห่งซานตากระดอนไปไกลติดกำแพงหอคอย
“ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

“อัก..ยะ..ยังไม่จบหรอกน่า..อะ..” ด้วยที่กระแทกกับกำแพงจนโค่นทบลงมาทำให้กระดูกขาและแขนหักกับศีรษะแตกความเจ็บปวดจากพิษบาดแผลทำให้เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก
“ฉันจะผนึกนายเดี๋ยวนี้แหล่ะ.นิจิมูระ..อัก” โคมะกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมากก่อนที่จะเดินสะเปะสะปะไปกอดนิจิมูระเอาไว้เพราะการที่จะผนึกเขาให้ได้นั้นต้องให้ผู้ที่สืบทอดพลังของเทพีแห่งสวรรค์เข้าไปกอดบุตรแห่งซาตานด้วยพลังแห่งความบริสุทธิ์ที่แผ่ปกคลุมร่างของเขาให้กลายเป็นหิน
“ค…..โควมะ”
เสียงตะกุกตะกักกับสติที่พร่าเลือนยังคงหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดกำลังเรียกเขาอยู่เจ้าของร่างสวมแว่นตากรอบโลหะทรงรีที่แตกละเอียด ฮิวงะที่นอนระนาบกับพื้นด้วยพิษบาดแผลที่ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นและขยับตัวไปไหนได้จะทำได้ก็แค่เพียงมองในขณะที่เหลือสติเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“บ้าเอ้ย!!!!บัดซบ...” นิจิมูระ สบบคำด่าด้วยความสมเพชตัวเอง
และร่างกายของเขาเองก็ค่อยๆกลายเป็นหินอย่างช้าๆ นี่คนที่เป็นถึงบุตรแห่งวาตานอย่างเขาคนนี้จะพ่ายแพ้ให้กับเจ้ากระจอกงอกง่อยอย่างเจ้าตัวที่เป็นได้แค่ร่างกายสถิตพลังของเทพีแห่งสวรรค์อย่างงั้นเหรอ ไม่จริงข้าไม่ยอมมาตายเพราะเงื้อมมือของมนุษย์แน่ นิจิมูระทำใจยอมรับความตายอย่างน่าอัปยศของตัวเองที่กำลังจะตายไม่ได้เด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองร่างปริศนาของชายหนุ่มผมสีแดงโทนออกชมพูเข้มอมแดงเสียซะมากกว่าปรากฏตัวออกมาท่ามกลางความชุลมุนและความเร็วที่เหนือมนุษย์ที่มองแค่วุบเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เขาอยู่ด้านหลังของโคมะฮิวงะที่นอนแน่นิ่งอยู่แต่กลับยังมีสติเหลือเพียงแค่เฮือกสุดท้ายที่มองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นเขาพยายามจะตะโกนเรียกโคมะที่ยืนข้างหน้าของชายคนนั้นเปล่าประโยชน์สิ้นดีในเมื่อที่พยายามตะโกนออกไปแต่เสียงอยู่ในลำคอไม่สิแต่มันตะโกนไม่ออกเลยต่างหากล่ะเพราะอาการบาดเจ็บบวกกับโดนเศษวิหารที่พังครืนผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างนักเวทย์ปราบผี กับ ปีศาจที่หลุดออกมาระหว่างช่องว่างของมิติของโลกอีกโลกหนึ่งทับร่างเขาเอาไว้อยู่
มือเรียวยาวจ้วงเข้าทะลุด้านหลังของร่างสูงแล้วกระชากบางสิ่งที่เป็นสิ่งสำคัญและเป็นแหล่งรวมเป็นหนึ่งอันเดียวกันจุดศูนย์กลางของอวัยวะภายในของร่างกายมันก็คือหัวใจนี่เอง
มือเรียวกระชากหัวใจออกมาโดยทั้งๆที่มันยังเต้นตุ้บๆอยู่คามือจากนั้นเขาก็ขยี้ให้แหลกละเอียดคามือไปในที่สุด โคมะสำรอกเลือดออกมาเป็นพักใหญ่ ก่อนจะเซถลาล้มลงปีกสีขาวขนาดใหญ่ที่อยู่กลางหลังได้สลายไปตามอากาศ
ฮิวงะที่แอบเฝ้าดูเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นเขาไม่สารมารถตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกมาได้ราวถึงเสียงสะอื้นก็แทบไม่มีน้ำตาสักหยดก็ไม่ไหลอาจจะเป็นเพราะเขาช็อกมากจนเรียกชนิดแทบได้ว่าช็อกจนร้องไห้ไม่ออก
“นึกว่าเจ้าจะไม่มาแล้วซะอีกนะอาคาชิ” นิจิมูระกล่าวเสียงอ่อน
“เป็นถึงพ่อของข้าแต่โดนเล่นจนเสียแขนไปสองข้างดูไม่ได้เลยนะครับ” อาคาชิกล่าวเย้ยหยัน
ปีกค้างคาวสีดำทมิฬกระพือออกแขนแกร่งช้อนร่างของผู้เป็นพ่อขึ้นแล้วบินหนีไป
“ฮิ...ฮิว..ก.....ก ..”  เสียงตะกุกตะกักที่แทบจะเรียบเรียงไม่ได้จากร่างสูงโปร่ง แววตาที่เริ่มริบหรี่แสงลงเป็นแววตาขุ่นมัวก่อนที่แวดล้อมโดยรอบจะดับวูบลง เขาได้ใช้เฮือกสุดท้ายของชีวิตที่จะตายภายไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ รีบคลานไปหาฮิวงะที่ตอนนี้สติเริ่มเลือนลางจนมองเห็นเป็นภาพเบลอ
“ฮิว....ง...งะ ฝ..ฝะ..ฝาก” โคมะฝืนพูดออกไปและพยายามเค้นคำพูดคำของสุดท้ายสั่งเสียตัวเองก่อนตาย
“ฝากดูแลฟุริฮาตะด้วย...น..” คำพูดสุดท้ายได้หายไปพร้อมกับลมหายใจ 
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเสียงร้องโครมครามของท้องฟ้าที่แสดงความเสียใจจากการจากไปของโคมะ..ไม่นานนักเม็ดน้ำตาของผืนฟ้าก็ได้ปรอยปรายลงมา
ฮิวงะได้แต่รำพึงในใจก่อนจะสลบไปว่า

“แม้แต่ฟ้าเองก็คงโศกเศร้าเป็นเหมือนกัน”


“ฉันไม่รู้จะสามารถทำได้รึเปล่าคำขอของนายใช่ว่าฉันจะจำไม่ได้หรอกนะ โคมะ แต่ฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าชะตากรรมพรมลิขิตที่ฟุริอาตะเจอจะเป็นเหมือนนายรึเปล่าก็เท่านั้นเอง”
ฟุริฮาตะ  โคมะ    ป้ายแผ่นหินหลุมศพที่ตั้งอยู่ที่ชานเมือง เรย์ล่า เกาะตอนใต้ของรีย์อิสต์ สถานที่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาดอกลิลลี่สีขาววางอยู่ที่หน้าแผ่นหินป้ายหลุมศพของโคมะ  แววตาอาลัยอาวรณ์อยู่ภายในดวงตาคู่นั้นภายใต้กรอบแว่นใสของกระจกเลนส์ที่ทำมาให้เหมาะกับสายตาของเขา
“นี่ฮิวงะไปได้รึยัง” ร่างสูงโย่งหุ่นเป็นล่ำเป็นสัน 193 เดินมาหาเขา
“นี่ก็ 5 ปีแล้วนี่เนอะ” น้ำสียงที่ฟังดูเหมือนปกติแต่ก็แฝงไปด้วยความอาลัยและคิดถึงเจ้าชื่อบนป้ายแผ่นหินของหลุมศพ
บรรยากาศของสุสานที่เงียบสงบในตอนเย็นตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าสองชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีดำเดินตรงดิ่งไปยังท่าเรือที่จอดรอพวกเขาอยู่

“ขอให้เจ้าจงปลอดภัยน้องรัก  จงตัดสินใจให้ดีในการเดินบนเส้นทางของเจ้า
ถ้าหากทางนั้นคือทางที่เจ้าเลือก ไม่ว่าจะผิดหรือถูก
ถ้าหากว่านั่นทำให้ เจ้ามีความสุขก็พอแล้ว”
          ฟุริฮาตะ   โคมะ 

จดหมายฉบับสุดท้ายจากพี่ชายของเขาเมื่อตอนปลายฤดูฝนที่กำลังมาถึงเมื่อตอน 5 ปีก่อนในขณะที่เขา อายุ 11 ปีหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับพี่ชายเขาเลย
“ข้อความในจดหมายมันแปลว่ายังไงกันนะ” ฟุริอาตะกรุ่นคิดอยู่เมื่อครู่ก่อนจะหยิบจดหมายใส่กลับซองดังเดิมแล้วเอาวางไว้บนโต๊ะก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ไม้ตัวโปรดออกไปทำธุระจัดการอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วต่อด้วยการแต่งตัวในชุดเครื่องแบบสีเหลืองอ่อนสุดเนี้ยบเน็กไทสีส้มที่พยายามบรรจงผูกให้ตรงเนี้ยบมากที่สุดแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ตรงสักทียิ่งตัวเขาเองก็ยิ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยพิถีพิถันใส่ใจในการแต่งกายอยู่แล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่เด็กหนุ่มยอมแพ้กับความพยายามเล็กๆน้อยๆของเขา
ประตูไม้ถูกเปิดออกเด็กหนุ่มพาร่างของตัวเองออกมาจากห้องโดยไม่ลืมใส่กุญแจล็อกห้องเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยฟุริฮาตะก็เดินลงมาจากตึกหอพักตรงไปที่อาคารเรียนหลักของนักเรียนจอมเวทย์นักปราบผีเอ็กซอร์ซิสต์ ระดับ F
ในห้องที่มีบรรยากาศเสียงจอกแจกเจี๊ยวจ้าวของเด็กนักเรียนในชุดเครื่องแบบสีเหลืองอ่อนแบบเดียวกันเดินเข้าห้องเรียนของตนเองไป “เอาล่ะนักเรียนเอ็กซอร์ซิสต์หน้าใหม่คราวนี้ครูจะเปลี่ยนผู้คุมห้องคนใหม่เป็นอาจารย์ฮิวงะแทนละกันนะ” ชายหนุ่มหน้าสวยผมสีดำสลวยหน้าผมยาวแสกข้างไปทางขวาโครงหน้าเรียวสวยที่มาพร้อมไฝเสน่ห์ที่ใต้ตาข้างซ้ายพูดพลางยิ้มไปด้วยแทบจะทำให้สาวน้อยวัยใสสยบแนบหน้าลงกับโต๊ะอยู่แล้วมือเรียวยาวยื่นมือไปทางประตูบอกสัญญาณให้คนที่อยู่ข้างนอกเข้ามาได้ “ไงดูเหมือนว่าเธอคงจะจำชื่อฉันได้สินะ” ฮิวงะขยับแว่นให้เข้าที่ทันทีที่เขาเข้ามาท่าทีของนักเรียนเฉพาะนักเรียนหญิงส่วนใหญ่จับกลุ่มกันนินทาทันที
“ทำไมต้องเป็นไอ้แว่นจัดนี่ด้วยนะ”  “ใช่ๆ” “หน้าตาก็พอโอเคหรอกแต่ไอ้แว่นเชยๆโบราณล้านปีที่สวมอยู่นั้นมันคืออะไรกัน”  “ให้อาจารย์ฮิมุโระมาเป็นผู้คุมยังจะดีกว่า” เสียงนินทาของเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่หลังห้องฮิวงะที่กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายนักเรียนอยู่บังเอิยได้ยินเข้าโดยบังเอิญเขาเดินหยุดกึกลงทันที
“อะแฮ่ม..” กระเอมออกมาเพื่อให้เหล่านักเรียนกลุ่มนั้นรู้ตัวว่าเขากำลังยืนฟังอยู่
!!!” พวกเธอนิ่งค้างเมื่อรู้ว่าอาจารย์แว่นเชยที่กำลังนินทากันอย่างไม่พอใจได้ยินในสิ่งที่พวกเธอพูด “ถ้าไม่พอใจก็ค่อยมาพูดกันตรงๆก็ได้นะแล้วอีกอย่างถ้ามัวมานั่งนินทาฉันก็หัดเอาเวลาพวกนั้นไปเรียนเสริมเลยไม่ดีกว่าเหรอ” รังสีออร่าแห่งความน่ากลัวได้แผ่รัสมีออกมาจากตัวของฮิวงะพวกหล่อนทั้งผวาและตัวสั่น เฮ้ยๆอาจารย์เด็กนักเรียนทั้งห้องเขาพากันกลัวอาจารย์กันหมดแล้ว เสียงตะโกนในใจของเด็กผู้ชายทั้งห้อง
(ในห้องพักครู)
“ฟุริฮาตะคุง..คะแนนสอบภาคปฏิบัติของเธอต่ำที่สุดในระดับFเลยนี่พยายามฝึกใช้พลังเวทย์ให้มากว่านี้หน่อยนะ” ฮิวงะถอนหายใจหลังจากดูใบคะแนนรวมการทดสอบของเขา “แต่ว่าผมพยายามเต็มที่แล้วนะครับ” ฟุริฮาตะหลุบตาลงต่ำเล็กน้อยบ่งบอกถึงความผิดหวังเล็กๆ
“ถึงยังไงก็เถอะนะถ้าไม่รีบระวังคนอื่นจะเลื่อนระดับแซงหน้าเธอไปก่อนนะ” สีหน้าของเขาเคร่งเครียดลงทันทีเช่นเดียวกับฟุริฮาตะที่เริ่มผิดหวังเข้าไปอีก “แต่ครูคาดหวังในตัวเธอนะ” ชายหนุ่มสวมแว่นตาพูดพลางตบไหล่ให้กำลังใจ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนอย่างฟุริฮาตะฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง  

“เน่ๆโคจังไปห้องพักครูไปคุยอะไรกับอาจารย์ฮิวงะอ่ะ” เด็กสาวผมสั้นสีดำขลับที่รับกับใบหน้าใสๆอิมเพจของสาวน้อยวัยดอกไม้แรกแย้มวัยสิบหกพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่ร่าเริงของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆและความสูงดูเหมือนจะห่างกันอยู่นิดหน่อย “เอ๊ะ..เปล่า” ฟุริฮาตะรีบเปลี่ยนท่าทีทำเป็นยิ้มแย้มตามเดิม แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลยยิ่งทำให้เด็กสาวกลับยิ่งเป็นห่วงและสงสัยมากว่าเดิม “ถ้ามีอะไรกลุ้มใจมาปรึกษาฉันก็ได้นะโคจัง” เด็กสาวยิ้มแย้มอย่างเป็นมิดฟุราตะอีดออดอยู่เมื่อครู่ก็หัวเราะยิ้ม แหะๆ ออกมา “อะ.อื้ม” ปากบอกรับคำทันที “นายเป็นอะไรมากไหม” เด็กสาวถามย้ำให้แน่ใจอีกทีว่าตัวของฟุริฮาตะนั้นจะไม่เป็นไรจริงๆ “คือ..ว่า..แบบว่า..นิดหน่อยน่ะ” น้ำเสียงฟังดูไม่แน่ใจในความเป็นจริงคงไม่นิดหน่อยหรอกมันมากเลยแหล่ะ แต่ก็อดไม่ได้ที่กลัวจะทำให้คนอื่นมาเป็นห่วงเอาเข้าจริงๆเขาไม่อยากให้ใครเป็นห่วงเขาเลยด้วยซ้ำ  “มีอะไรก็ปรึกษามาเลยฉันพร้อมรับฟังเสมอนะ” เธอหันหน้ามาหาฟุริฮาตะแววตาคู่สวยสีส้มลอมทองส่อแววตาถึงความเป็นห่วง  เขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บเอาไว้แก้ปัญหาเอาเองหรอกนะโดยปกติแล้วถ้ามันเป็นเรื่องเล็กๆเขาก็พอจะหาทางออกเองได้โดยงไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือหรือปรึกษาคนอื่นเลยด้วยซ้ำแต่หากปัญหามันเริ่มที่จะไปกันใหญ่และยากที่จะแก้หรือสุดจะทนแล้วมันก็จำเป็นต้องขอคำปรึกษาหรือขอให้ช่วยก็เป็นธรรมดาสำหรับเขาอยู่แล้ว  “แบบว่าการสอบภาคเวทย์ปฏิบัติฉันได้อันดับโหล่สุดน่ะ” พูดไม่พอแถมยื่นใบคะแนนผลทดสอบออกมา เขาอยากตะโกนในใจดังๆเหลือเกินว่าชีวิตนี้โคตรบัดซบ!!!!! “แปลกจังเลยนะฉันได้ที่2ล่ะ แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือ..” เด็กสาวเอานิ้วชี้แตะคางแล้วครุ่นคิดเมื่อสักครู่ก่อนจะเสริมพูดต่อไปอีก “พลังเวทย์ของนายมันออกมาน้อยมากทั้งๆที่ดูแล้วนายไม่น่าจะท่องคาถาผิดนะ..แปลกจังน๊า..” เธอพูดไปครุ่นคิดไปด้วยว่าสาเหตุต้นเหตุมันเป็นเพราะอะไรมันมาจากไหนแล้วเป็นอย่างไรทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน สักพักหนึ่งด้วยความปราดเปรืองสติปัญญาอันชาญฉลาดเฉียบแหลมก็นึกขึ้นมาได้ ซากโบราญสถานเก่าที่ถูกปล่อยร้างเอาไว้น่าจะเหมาะกับสถานที่จะให้ฟุริฮาตะฝึกใช้พลังเวทย์ในเมื่อฝึกในหลักสูตรในคาบชั่วโมงบทเรียนไม่ได้เรื่องก็ต้องฝึกนอกบทเรียน ถึงจะเป็นการแหกกฎนิดๆหน่อยๆก็ตามทีเขาเองก็อยากให้เพื่อนเลื่อนระดับขึ้นไปพร้อมๆกัน  “เอาอย่างงี้นะโคจังที่ซากโบราณสถานเก่าน่ะเหมาะแก่การฝึกมากเลยนะ”  “เอ๊ะทำไมเหรอ” ฟุริฮาตะถามด้วยความสงสัย “เอาเป็นว่าตอนหลังเลิกเรียนฉันจะเอาแผนที่ไปให้ก็แล้วกันนะ”เธอพูดแล้วก็เดินจากไปทิ้งให้เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเฮเซลนัทยืนเอ๋องงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น

ท้องฟ้ายามเย็นสีส้มลอมชมพูและแซมไปด้วยสีแดงอ่อนก้อมเมฆสีขาวดุจปุยฝ้ายที่ตอนนี้กลายเป็นสีชมพูเหมือนสายไหมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหล่านกน้อยใหญ่ที่บินกลับเข้ารังหลังจากหาอาหารมาให้ลูกน้อยประทังชีวิตกับนกจำพวกหนึ่งที่ออกหากินในตอนกลางคืนอาทิเช่นนกฮูกนั่นเอง
เส้นทางที่เงียบเหงาไร้วี่แววของเสียงสิ่งมีชีวิตใดๆถึงต่อให้เป็นตอนเย็นก็ตามทีบรรยากาศก็ยิ่งวังเวงไม่เปลี่ยนความรู้สึกของคนขี้กลัวอย่างฟุริฮาตะคนนี้เลยแม้แต่นิดเขาคอยหวาดระแวงทั้งๆด้านหน้าและด้านหลังหันซ้ายหันขวาอยู่อย่างนั้นสลับกับตาที่มองแผ่นกระดาษโน้ตสีชมพูแผ่นเล็กๆที่เขียนรูปวาดแผนที่อย่างลวกๆของเด็กสาวเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา “ทำไมกันนะ..เฮ้อ..สุดท้ายก็ต้องมาคนเดียวอีกจนได้” เขาครางออกมาอย่างนึกน้อยใจ หากย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงหลังจากเลิกเรียนให้หลังจากนั้น  
“ต้องขอโทษจริงๆนะโคจังฉันไปไม่ได้จริงๆพอดีต้องช่วยอาจารย์เก็บหนังสือเกี่ยวกับการเรียกสัตว์เวทย์ในห้องสมุดใหญ่น่ะจ๊ะ ขอโทษจริงๆนะขอโทษจริงๆ” เด็กสาวรีบขอโทษขอโพยที่ผิดคำพูดให้ไว้กับเด็กหนุ่ม “เอ่อไม่เป็นไรหรอกครับ” ฟุริฮาตะตอบรับยิ้มแห้งๆหัวเราะแหะๆกลบเกลื่อนหน้าที่เหยเกของตัวเอง “แต่ว่านะเพื่อเป็นการขอโทษฉันจดแผนที่ๆไปซากโบราณสถานเก่าแก่มาน่ะหวังว่ามันคงเป็นประโยชน์กับนายนะ”  “อื้มขอบใจนะ” เขายื่นมารบกระดาษโน้ตมาตามมารยาท เด็กสาวโบกมือบ๊ายบายเป็นการจากลา
“เฮ้อ~~~~~~” ฟุริฮาตะถอนหายใจยาวและนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
18:30 น. เวลาป่านนี้แล้วแสดงว่าเขาใช้เวลาเดินจากตึกเรียนมาจนถึงปากทางเข้าป่าที่รกชัฏ ตามแผนที่ เกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งเต็มๆ ขาเรียวเล็กเดินช้าลงเล็กน้อยเพราะขามันอ่อนล้าเหลือเกินจวบจนกระทั่งในที่สุด...
ซากอิฐซากปูนที่ปรักหักพัง แต่ลานวงกลมที่กว้างขวางที่ทำมาจากก้อนอิฐสีแดงทาสีขาวไว้ยังคงอยู่ในสภาพเดิม ต่างจากซากบานประตูกรงเหล็กซากเสาที่เต็มไปด้วยต้นมอสหญ้าที่รกขึ้นจนแทบจะสามารถกลบพื้นที่ซากโบราณสถานไว้ก็ไม่ปาน ดูจากลักษณะแล้วก็ไม่ต่ำกว่า50 ปีได้กระมัง
“หืม..เจอกันอีกแล้วรึนี่..” ร่างสูงดวงตาคมโฉดเฉี่ยวเรียวสวยนัยน์ตาสีทับทิมสยามจับจ้องผู้มาเยือน ณ สถานที่ๆที่ตนอาศัยอยู่ในรอยต่อแยกของโลกมนุษย์และปีศาจ
“เอ๊ะ...คุณเมื่อตอนนั้น” ฟุริฮาตะกระดุกวูบเมื่อเห็นเจ้าของร่างสูงที่เคยเจอที่ไหนมาก่อนฟุริฮาตะนิ่งเงียบไปสักพักแล้วกดรีสะท้นความทรงจำของตัวเองภาพที่ฉายเหตุการณ์ต่างๆราวกับฟิล์มของกล้องถ่ายรูปที่นำมาฉายดีดีโอและถ่ายทอดเรื่องราวซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง
“คะ..คนเมื่อคืนนั้น” พอคิดเรื่องเมื่อคืนเป็นแต่ตอนที่นอนอยู่บนเตียงก็อายมากเลยล่ะ
“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาที่คงได้รูปที่ปกติอยู่ไกลออกจากเขามาก แต่ตอนหน้าเขากลับเข้ามาใกล้ห่างกันเพียงเซนเดียว
“คุณ..” “อ..อื้อ..”  ร่างสมส่วนไม่ยอมที่จะให้เขาพูดอะไรต่อมิอะไรต่อไปริมฝีปากอิ่มเอิบรีบรุกล้ำเข้ามาขโมยตักตวงความหวานในโพรงปากของร่างบาง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนฟุริฮาตะหมดแรงขัดขืนแล้วเข่าอ่อนทรุดนั่งไปกองกับพื้น
“แฮ่ก..แฮ่กๆ” ฟุริฮาตะหายใจหอบถี่รีบสูดออกซิเจนเข้าไปหลังจากขาดอากาศหายใจมาเมื่อสักครู่ 
นัยน์ตาสีทับทิมสยามฉายแววพิรุธทันที ดวงตาข้างซ้ายค่อยๆเปลี่ยนจากสีทับทึมระยิบระยับมาเป็นดวงตาสีอำพันธ์ เขาจ้องหน้าฟุริฮาตะนิ่งและเขาเองกำลังจะโดนสะกดจิตได้ภายในไม่ช้าความกลัวเริ่มครอบงำและความดื้อรั้นที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
ไม่เอาเด็ดขาดถ้าเราถูกคนๆนี้บงการอาจจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแน่ใครจะไปยอมให้ดูดเลือดกันเราไม่ยอมหรอก
เสียงตะโกนในใจสิ่งเดียวที่พอนึกออกได้ก็มีเพียงแค่ใบหน้าของพี่ชายผู้เป็นที่รักก่อนที่สติจะเลือนรางไป

ฟุริฮาตะหมดสติล้มพับแต่ยังที่มีร่างสูงสมส่วนมารองรับเอาไว้ทันใดนั้นเอง..
เขาก็รับชักมือกลับแล้วถอยแห่งออกมาอย่างรวดเร็วกระแสไฟฟ้าสีส้มอ่อนที่กำลังช็อดฝ่ามือเขาอยู่ราวกลับและไฟฟ้าลัดวงจรอย่างใดอย่างนั้น
“อีกแล้วทำไมกัน..เจ้าเด็กนี่มันเป็นยังไงกันแน่..” อาคาชิเริ่มสงสัยตื่นตระหนกไปในคราเดียวกัน ความสงสัยนั้นคงอยู่ได้ไม่นานหลังจากได้ฟังเฉลยมาแล้ว
ปีกสีขาวบริสุทธิ์ขนาดกลางกางออกสัญลักษณ์ของเทพีแห่งสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าผากของฟุริฮาตะ ร่างกายอันบอบบางเริ่มลอยสูงเหนือพื้นดินเล็กน้อยลมพายุที่ก่อตัวกันจนเป็นลูกพายุทอร์นาโด
“หึที่แท้ร่างสถิตใหม่ของพลังเทพีแห่งสวรรค์สินะ” อาคาชิแสยะยิ้ม แล้วกดกรงเล็บสีดำขึ้นมาเพื่อหวังจะข่วนทำร้ายฟุริฮาตะแต่ด้วยแรงพายุที่ช่วยปกป้องเขาแค่ได้รับรอยแผลที่กรีดเป็นทางยาวไม่ลึกมาเท่านั้น

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับรุ่นพี่คาซามัสสึเซมไป!!!  เสียงนกแก้วสีเหลืองที่ร้องบอกเจี๊ยวจ้าวเสียงดังรายงานการสังเกตการอาการตื่นตระหนก “บ้าชิบ!!ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยคลายคาถาแปลงร่างแล้วใช่เวทย์แห่งปีกอย่าลืมส่งข้อความบอกระดับ  SS , SSS  ทุกคนด้วย” คาซามัสสึ ทำสีหน้าเคร่งเครียดและก็คิดไว้อยู่แล้วว่าสักวันมันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่
เหล่าเอ็กซอร์ซิสต์นักเวทย์คาถาปราบปีศาจราวๆสิบกว่าคนรีบใช้เวทย์แห่งปีกบินด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้าไปยังซากโบราณสถานเก่าทันที
ขออย่าให้ฟุริฮาตะเป็นอะไรเลยนะขอร้องล่ะฉันไม่อยากเสียพวกนายไปอีกคนแล้ว
ฮิวงะได้แต่ภาวนาขอพรอยู่อย่างนั้นในขณะที่มุ่งหน้าไปพร้อมกับทุกคน
หยดเลือดสีแดงชาดที่ไหลหยดดิ๋งๆตามลายทางทิศทางของบาดแผลหยดลงบนพื้นและเป็นกุณแจสำคัญในการเปิดประตูโลกของปีศาจ เพราะกุญแจที่สำคัญในการเปิดประตูจากโดลกนี้ไปอีกหนึ่งโลกตั้งใช้เลือดของผู่ที่สืบทอดพลังเทพีแห่งสวรรค์เท่านั้นที่จะเปิดได้
เลือดที่หยอดลงมาในที่สุดกลไกลของประตูแห่งโลกปีศาจก็ทำงานวงแหวนเวทย์ที่เป็นรูปดวงดาวห้าแฉกกับหัวกะโหลกของแพะที่ปรากฏขึ้นมา มือขนาดใหญ่สีดำที่โผ่ลพ้นขึ้นมาจากพื้นพิภพได้ดึงร่างที่สองจมดิ่งหายไป..
“ฟุริฮาตะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทุกคนตะโกนเรียกเขาและยังโชคดีที่สามารถเข้าประตูไปได้ทันก่อนที่ประตูจะปิด





To be continued…………………………. 



// เข้าเรื่องหลักแล้วไงต่อ??? ช่วงนี้มุกตัน แถม เปิดเทอมแล้วเวลาอัพไม่ค่อยจะมี แถมอากาศเมืองไทยนี่ร้อนมากอย่างกะทุ่งหญ้าสะวันนา
BY Yuhey

********** ป.ล.  กรุณาอย่าก็อปฟิคจับได้จับตายอย่างเดียวนะเว้ย!!!!






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Tokyo Ghoul Fiction yaoi tsukiyama x kaneki [สุนัขกระหายเนื้อ]

FictionYAOI [ Tokyo Ghoul ] >> Tsukiyama shuu X Kaneki ken - อาหารจานโปรด

[KNB YAOI] >>Fiction hiyoshi x hyuga >> ใต้กรอบแว่น