FictionYAOI - [KNB] - Akashi x Furihata >> love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ [[ Chapter 02 ]]

Fiction YAOI

Kuroko no basket

Akashi x Furihata

 NC-18

love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ Chapter 02

by Yuhey
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
Chapter 02

 

 

ฟุริฮาตะถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรงโดยไร้ซึ่งความปราณีจากคนตรงหน้าในห้องที่ไร้ซึ่งแสงไฟแต่ยังมีแสงสลัวจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ทอดแสงลองส่องลงมาที่หน้าต่างที่เต็มไปด้วยฝุ่นจับสีแดงฉานจากนัยต์ตาส่องประกายในความมืดทำให้ดูเหมือนทับทิมที่ส่องประกายอย่างสวยงามแต่แฝงเร้นไปด้วยความแข็งกร้าวและเยือกเย็นร่างสมส่วนขึ้นคร่อมร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงริมฝีปากได้รูปสวยอมยิ้มกับปฏิกิริยาอาการสั่นกลัวของคนตรงหน้าที่ราวกับเหมือนกระรอกตัวน้อยที่กำลังจะถูกเจ้าป่าเขมือบในไม่ช้า

คนๆนี้เขาเป็นอะไรเขาคือใครกันแน่แล้วทำไมแรงกดดันจากตัวเขาออร่าความกดดันที่ตีแผ่ออกมาทำไมถึงทำให้เขาเกรงกลัวจนตัวสั่นได้มากขนาดนี้ทำไมกัน ความสงสัยที่โหมกระหน่ำความคิดในสมองราวกับพายุก็ไม่ปานร่างกายแสดงอาการสั่นกลัวออกมาอย่างชัดเจนถึงแม้จะคิดว่าถ้าเขาขัดขืนและผละตัวออกมาก็น่าจะหนีพ้นแต่บุคคลตรงหน้าอันตรายและน่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้มาก

“มองตาข้าสิ..” ใบหน้าคมคายก้มต่ำเอียงลงมากระซิบที่ข้างหูของฟุริฮาตะไม่รู้ว่าเพราะอะไรรึเปล่าถึงดลใจให้เขาทำตามโดยไม่ขัดขืนทั้งๆที่คิดว่าจะขัดขืนและหนีออกมาตั้งแต่ต้น ก่อนที่พลันดวงตาสีเฮเซลจับจ้องอยู่ที่ดวงตาเฉียบคมคู่สวยดั่งทับทิมสยามดวงตาสีแดงข้างซ้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาสีอำพันภายในพริบตาม่านตาสีดำค่อยๆหดเล็กลง...

“จงตกภายใต้อำนาจของข้าซะเถอะนะ” ร่างสูงแสยะยิ้มน้อยออกมาดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลที่เป็นประกายเสมือนกับลูกแก้วก็พลันดับวูบลงไปกลายเป็นแววตาที่ขุ่นมัวไร้ซึ่งแววตาฟุริฮาตะแน่นิ่งอาการสั่นกลัวถูกผลานหายไปร่างกายและจิตใจถูกครอบงำภายใต้อาญัติของคนตรงหน้า

เขาถูกสะกดจิตไม่ให้รับรู้สิ่งใดๆที่เข้ามากระทบจิตใจแต่จะมีเพียงแค่ร่างกายที่ประสาทสัมผัสทั้ง5ยังทำงานอยู่ครบ “ท่านอาคาชิ..” เสียงเอื่อยๆที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่อิ่มเอิบพูออกมาด้วยสายตาเลื่อนลอยไร้จิตวิญญาณชายหนุ่มไม่รอช้ารีบตักตวงความหวานในปากอุ่นๆจากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสัมผัสได้ถึงความเปียกแฉะอยู่ที่มุมปากของฟุริฮาตะจากนั้นแล้วก็เลื่อนริมฝีปากอันร้อนผ่าวซุกไซร้โลมเลียอยู่บริเวณลำคอก่อนจะแยกเขี้ยวอันแหลมคมเสมือนเขี้ยวอสรพิษขบกัดสัมผัสเนื้อลงไปดูดเลือดอันหวานฉ่ำของร่างที่อยู่เบื้องล่างโลหิตสีแดงไหลซึมลงมาตามแนวของพื้นผิวหนังกลิ่นคาวที่คละคลุ้งออกตามกันมาแต่อาคาชิก็ไม่ได้ใส่ใจก่อนจะจูบลงที่กระดูกไหปลาหร้าและขบกัดหรือไม่ก็ดูดดอมดมจนเป็นรอยจ้ำสีแดงแสดงรอยประทับของผู้เป็นเจ้าของไล่ลงมาเรื่อยแล้วหยอกเย้ากับติ่งไตยอดอกสีหวานเรียกอารมณ์ของฟุริฮาตะให้ตอบสนองออกมาอย่างดี

“อะ..อ๊า..” เสียงครางบรรเลงเพลงรักให้ไพเราะบวกกับอารมณ์ร่วมของอีกฝ่ายที่ประสานขับกล่อมออกมาอย่างลงตัว

 

“ที่นี่ที่ไหนกัน..มืดจังมองไม่เห็นเลย” เสียงก้องกังวานอยู่ในโลกแห่งความว่างเปล่าที่ดำสนิทไร้ซึ่งแสงสว่างเรือนผมสีน้ำตาลหันซ้ายหันขวามองหาแสงสว่างแต่ก็ไม่พบสักที

 

“อึก..อ้า..” เสียงครวญครางตอบรับเข้ามาในโสตประสาทของชายหนุ่มดวงตาสองสีเข้ามาเรื่อยๆมือและปากเริ่มหยอกเย้ายอดอกมากขึ้นไปอีกใบหน้าที่แดงก่ำลมหายใจที่หอบถี่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นมันกำลังมีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังโป่งนูนออกมาจากตรงจดกึ่งกลางของร่างกายกำลังตื่นตัว

 

“ฟุริฮาตะ..” ใครเรียกเรากันนะเสียงใครกันเขาอยู่ไหน

บนหนทางอันมืดมิดเงียบสงบและวังเวงไร้เสียงวี่แววของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงจะได้ยินก็แตลมหายใจของเขาเองก็เท่านั้น

“มองมาทางนี้สิ” เสียงของใครบางคนกำลังเรียกเขา “อยู่ไหนกัน” ฟุริฮาตะมองหาต้นเสียง “ข้าอยาทางนี้ข้างหลังเจ้าฟุริฮาตะ...” และเสียงนั้นก็พลันหายไป

ทันทีที่ฟุริฮาตะเหลียวหลังไปมองมาของใครบางคนกำลังเอื้อมจับมือเขาอยู่พร้อมกับแสงสว่างที่แผ่มาปกคลุมความมืดก่อนที่สติที่พร่าลืนด้วยการถูกสะกดจิตได้คลายลง

 

“อะ..เอ๊ะ!!!!หวะ..หวา..” ฟุริฮาตะร้องเสียงหลงปนครางพอหลังจากที่ได้สติแล้วสถานการณ์ทุกอย่างที่ตัวเองได้เห็นแทบเรียกได้ว่าจะปรับอารมณ์เข้าไม่ทัน สภาพเขาในตอนนี้เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกถอดออกจนหมดรอยจ้ำรอยแผลพอมองต่ำลงไปก็เห็นโครงหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผมสีแดงที่ซุกไซร้เล่นซุกซนกับบางสิ่งที่อยู่จุดกึ่งกลางระหว่างร่างกายของเขา

นี่มันอะไรกันเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้กัน ความสับสนปนเปไปกับความไม่เข้าใจ

“ฮะเฮือก!!!  “อะ..”  ร่างบางออกอาการเกร็งตัวสุดขีดเหมือนโดนไฟฟ้าอ่อนๆสถิตร่างบางสิ่งบางอย่างในตัวของเขากำลังจะออกมาร่างกายสั่นสะท้านพร้อมกับหลั่งสีขาวขุ่นออกมาอาคาชิไม่รอช้ารีบกลืนลงไปสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมา

“หึ..น่าเสียดายจังนะ..” พูดพลางถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์แต่สีหน้ากับร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความใคร่ตัณหาอย่างเหลือล้นส่วนอีกคนที่ทำตัวไม่ถูกและกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์เวลาก่อนนี้แต่ความคิดทั้งหมดกระเจิงหายไปหลังจากที่เห็นการกระทำของเขา นัยต์ตาสีน้ำตาลเฮเซลหลุบต่ำมองเรือนร่างของตัวเองรอยขบกัดและรอยจ้ำสีแดงตามร่างกาย

“คุณคิดจะทำอะไร...อะ.โอ้ย!!!” ยังไม่ทันที่จะได้ปริปากพูดร่างสมส่วนก็พุ่งเข้ามากดขึงเขาไว้กับเตียงด้วยพละกำลังที่มากว่าและเหนือกว่าของอีกฝ่ายทำให้คนอย่างฟุริฮาตะไม่สามารถขัดขืนได้แม้พยายามจะดิ้นสุดฤทธิ์ก็ตามทีเพราะหมดแรงและอ่อนปวกเปียกมาก่อนหน้านี้

“อยู่นิ่งๆไว้ซะถ้าเจ้าไม่อยากตาย!!!!” อาคาชิพูดข่มใส่และฟุริฮาตะก็หยุดนิ่งแต่โดยดีถึงจะไม่ได้ออกแรงขัดขืน ณ ตอนนี้เองที่ร่างกายของเขาสั่นระริกด้วยความกลัวที่บังเกิดขึ้นมาและเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย

“ ทำไมถึงต้องทำกับผมแบบนี้..” น้ำเสียงสั่นเครือสักถามชายหนุ่มด้วยความสงสัยและต้องการคำตอบจากเขาแต่สิ่งที่ตอบรับกลับมากับมีแค่ความเงียบ

“ เจ้ามองตาข้าสิ..” คำสั่งประกาศิตของอาคาชิสั่งเขาเช่นเคยแต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อนคราวนี้ฟุริฮาตะออกแรงดิ้นขัดขืนโดยทุ่มแรงทั้งหมดสะบัดให้หลุดจากเขาให้ได้แต่ก็จนปัญญายิ่งชักดิ้นชักงอมากเท่าไหร่แรงกดมหาศาลที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไปสรรหามาจากไหน

ดวงตาสองสีที่สะท้อนแสงในความมืดราวกับดวงตาของสัตว์ป่ากำลังจะสะกดจิตให้เหยื่อของตนอยู่ภายใต้อาญัติอีกครั้ง ทิวทัศน์ตรงหน้าเริ่มเรือนรางน้ำตาที่คลอเบ้าจนล้นออกมาแอบแก้มความกลัวที่เพิ่มระดับจนแทบจะถึงสุดขีด

“ไม่..นะ!!!!!!” เสียงตาโกนด้วยความกลัวเป็นแรงเฮือกสุดท้าย

แสงสายฟ้ากำปานาทแสดแสงสีส้มอ่อนแผ่ออกมาจากร่างกายอันผอมบางของฟุริฮาตะ

“อัก.!!?”  อาคาชิรีบออกห่างจากเหยื่อของตัวเองทันทีก่อนจะเลื่อนสายตาหันมามองมือทั้งสองข้างที่โดนไฟฟ้าปริศนาหลังจากที่สัมผัสตัวของคนที่อยู่เบื้องร่าง

อะไรกันน่ะเวทย์แบบนี้..

มัรคือเวทย์อะไรกันแน่ทำไมเราไม่เคยเห็นไม่สิรู้สึกเคยเห็นที่ไหนมาก่อนรึเปล่ากันนะ 

อาคาชิครุ่นคิดอยู่เมื่อสักครู่ก่อนที่จะหันกลับมามองคนร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงก็พอว่าฟุริฮาตะนั้นได้คล้อยหลับไปซะแล้ว

ในอีกนัยนึงก็คิดเสียดายและอีกนัยนึงของความคิดก็คิดว่าปล่อยไปแบบนี้ก็ดีแล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็เอาผ้าห่มมาปกคลุมร่างบางที่ปราศจากอาภรใดๆปกปิดร่างกายเอาไว้เกรงว่าถ้าให้นอนตัวเปล่าเลยอาจจะทำให้คนอย่างฟุริฮาตะนั้นจะเป็นหวัดเอาได้ แล้วสักพักก็เดินไปสวมเสื้อจัดเนกไท้ให้เป็นระเบียบก่อนจะสวมทับผ้าคลุมสีดำที่ขาดรุ่งริ่ง ออกจากห้องไป 

ในค่ำคืนที่เงียบเหงาและเป็นยามเวลาของเหล่าภูตผีแวมไพร์ชนเผ่าปีศาจแห่งรัตติกาล ทีคอยออกมาเริงล่าเต้นรำเฉลิมฉลองออกมาล่าเหยื่อหาอาหารกับที่ในเวลาเดียวกันที่เอกซอร์ซิสต์ระดับสูงที่คอยออกมาตามล่ากำจัดปีศาจให้หมดเพื่อปกป้องทุกคนบนเกาะ

“นี่เซย์จังยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย” เสียงของชายหนุ่มปริศนาที่สวมหน้ากากสีเทาเอ่ยขึ้นภายใต้แสงของดวงกลมๆสีเหลืองที่มีเพียงครึ่งเสี้ยวความประดับเป็นฉากพื้นหลังเอาไว้อยู่

“ก็นั่นสินะปกติก็เห็นว่างานยุ่งอยู่แล้วนี่นาเอาน่าๆนะถึงยังไงก็เป็นหัวหน้าของพวกเราเลยนะ” เสียงของชายหนุ่มอีกคนแทรกขึ้นในขณะที่อีกคนกำลังนึกหงุดหงิดเล็กๆ

เขาตัวเล็กกว่าชายหนุ่มคนเมื่อกี้นี้มากฮู้ดคลุมหัวที่ใช้ปกปิดตัวตนถอยร่นลงมาอยู่ข้างหลังเผยให้เห็นผมสั้นสีส้มพร้อมกับหน้ากากสีเทาเครื่องแบบเดียวกันกับของชายหนุ่มเมื่อกี้แต่จะต่างกันก็ตรงทรงผมสั้นที่กำลังจะยาวประบ่าสีดำเงาสลวยแต่มองเห็นไม่ชัดก็เนื่องจากถูกปกปิดไว้ด้วยฮู้ดผ้าคลุมสีดำอันเก่าซอมซ่อและขาดวิ่น 

“ดูเหมือนว่าอาคาชิจะมาแล้วล่ะ”  “นั่นสินะฉัน กินข้าวเสร็จพอดีเลยหลังจากที่รอเขาอยู่เนี่ย” ตามมาด้วยเสียงของสองหนุ่มที่ความสูงและรูปร่างต่างกันโดยสิ้นเชิงเส้นผมสีขาวราวดุจปุยฝ้ายบริสุทธิ์ที่ปลิวไหวไปตามทิศทางลมผิวที่ซีดถึงขั้นไม่เห็นเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย กับที่ร่างสูงใหญ่หุ่นทึกบึกบึนปานนักมวยปล้ำก็ไม่ปานบวกกับผิวสีแทนถึงขั้นออกไปทางสีน้ำตาลไหม้ทรงผมที่สกรีนเฮดอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาอยู่แล้ว “ต้องของโทษที่เสียมารยาทที่ต้องให้รอซะนานเลยนะครับทุกคน” เจ้าของผมสีแดงออกโทนชมพูกล่าวขอโทษโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย “เรื่องนั้นพวกเราไม่ถือสาหรอกเซย์ว่าแต่วันนี้หน้าตาระรื่นอารมณ์ดีมาเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มผมที่แทบจะประบ่าแอบแซวผู้เป็นหัวหน้าจ่าฝูงปีศาจของแถบนี้เป็นว่าเล่น  “ว่าแต่วันนี้สงสัยไปเจอเหยื่อที่ถูกใจมาสินะเนี่ย” หยอกล้อพร้อมตอกคำพูดแทงใจดำใส่ผู้เป็นพระราชาอาคาชิสะดุ้งโหยงเล็กน้อยเหมือนรู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้ทันความคิดของตัวเอง “ก็นิดหน่อยน่ะครับ” ตอบกลับพลางกลบเกลื่อนใบหน้าเปื้อนยิ้มเอาไว้อย่างเสียมิได้

ค่ำคืนท้องฟ้ารัตติกาลที่เป็นยามที่เหล่าผู้คนธรรมดาหลับใหลแต่เป็นยามออกทำงานของเหล่าภูตผีปีศาจและแน่นอนมันเป็นกิจวัตรและงานอดิเรกรวมถึงองค์กรของเหล่าภูติเลยก็ว่าได้คำคืนที่ดำเนินไปอย่างเนิบช้าแต่ก็รวดเร็วในเวลาเดียวกันดำเนินไป 10 ชั่วโมง

ท้องฟ้าสีดำสนิทที่กำลังถูกขับออกไปด้วยความสว่างของอรุณรุ่งเช้าสีแสดจ้าสดใสที่เป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่างที่เข้ามาแทนที่เวลาเริงร่าของเหล่าภูตผีได้จบลงแล้ว....

 

“รายงานความคืบหน้าจำนวนผู้คนที่ล้มตาย”

“จำนวนการตายและกำจัดเหล่าภูตผีปีศาจ”

มันก็เป็นอีกเฉกเช่นเคยที่เหล่าพวกเอ็กซอร์ซิสต์ที่ทำหน้าที่เปรียบสเหมือน พนักงานรักษาความปลอดภัยในเมืองแอลลิก้าที่ต้องทำหน้าที่กำจัดต่อสู้เพื่อปกป้องประชาชนทุกคนจากปีศาจร้ายที่จ้องจะเล่นงานได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเมืองหรือนอกเมืองบางทีก็จะมาสับเปลี่ยนกะในการควบคุมดูแลพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง

 

“จิ๊บ..จิ๊บๆ” เสียงร้องใสๆขับขานบทเพลงอรุณสวัสดิ์ยามเช้าของวันนี้แสงอุ่นๆของดวงอาทิตย์ยามเช้าส่องลงมาที่บานกระจกห้องสมุดเก่าร่างบางที่พล่อยหลับแน่นิ่งไปตั้งแต่เมื่อคืนค่อยๆได้สติขึ้นมาทีละนิดเปลือกตาที่กำลังเลื่อนขึ้น พร้อมกับแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าที่ตั้งตรงมือข้างใดข้างหนึ่งขยี้ตาซ้ายอาการสะลืมสะลือจากการตื่นนอนยังไม่หาย “แอ๊ด..” เสียงประตูที่ถูกใครบางคนเปิดแง้มออกมาอย่างเบามือก่อนที่จะพาตัวเองเข้ามาในห้องนอน “อืม...” เสียงงืมงำในลำคอจากอาการที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นและดูเหมือนยังไม่ตื่นเต็มที่ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะตื่นแล้วสินะ..” ผมสีแดงที่ออกโทนไปทางชมพูเข้มมากว่านัตย์ตาสีทับทิมคมกริบมองพร้อมกับยิ้มแย้มให้กับเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงของเขาร่างทั้งร่างไร้ปราศจากเสื้อผ้าเครื่องแบบอาภรณ์ใดๆเผยเห็นผิวเนียนละเอียดและยิ่งเป็นช่วงยามเช้าก็ยิ่งมองเห็นรอยจ้ำสีแดงประดับประดาอยู่ทั่วร่างแสดงให้เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเจ้าของอาคาชิเพ่งพินิจแอบชื่นชมผลงานของตนเองอยู่ในใจ

“ที่นี่ที่ไหนกัน” ฟุริฮาตะมองไปทั่วห้องโดยรอบอย่างมึนงงจนแทบจำอะไรไม่ได้ยังดีที่อาคาชิเป็นคนไขข้อสงสัยในความงงงวยของเขา “ที่นี่คือห้องของข้ายังไงล่ะ” เขาตอบไปเพียงสั้นๆ “งั้นเหรอครับ”ฟุริฮาตะเองก็เช่นกันแต่ในความคิดของเขาแล้วไม่สิความสงสัยที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจแลบตั้งคำถามลงไปให้เขาว่า

“ตัวเรามาทำอะไรที่นี่..แล้วเขาคนนี้เป็นใคร..ทำไมเขาถึงได้อยู่ในสภาพนี้”  

เมื่อคิดได้ก็เลยถ่างถามออกไป “ทำไมผมถึงต้องโป๊อย่างนี้ล่ะครับ”เขาถามด้วยความข้องใจ

“เอ่อ..รอยแดงนี่เป็นฝีมือคุณเหรอครับ” ฟุริฮาตะเผลอพล่อยปากออกไปโดยอัตโนมัติและนั่นทำให้ชายหนุ่มที่พิงอยู่ข้างประตูสะดุ้งเล็กน้อย

“เรื่องนั้นเจ้าเองไม่จำเป็นต้องรู้” อาคาชิตอบเสียงราบเรียบพยายามกลบเกลื่อนให้เนียนที่สุดฟุริอาตะนิ่งอิ้งไปเมื่อสักครู่พลางคิดพินิจสงสัยอย่างมีพิรุธแววตาจ้องเขม็งไปที่คนชายหนุ่มที่ยืนพิงข้างประตูห้องอย่างกล้าๆกลัวๆพลางส่ายหน้าปฏิเสธไปเรื่อยเปื่อยว่าคนอย่างชานหนุ่มคนนั้นจะทำเรื่องไม่ดีกับเขาเป็นแน่รึเปล่าแถมไม่รู้จักชื่อกันคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ

เมื่อเห็นว่าในแววตาของร่างบางยังจับจ้องสงสัยในตัวของอาคาชิเองแล้วเขาก็พยายามจะหาวิธเบี่ยงเบนความสนใจอย่างอื่นเพื่อไม่ให้ร่างบางนั้นคิดมาก “หืม..มีอะไรเหรอ” อาคาชิเป็นฝ่ายเริ่มถาม “เอ่อเปล่าครับ” ฟุริฮาตะเลี่ยงสายตาที่พื้น  “ถ้าไม่รีบเจ้าจะไปเรียนสายนะ ฟุริฮาตะ..โควคิ”

 

 

 

 

“หืม..ทำได้ดีนี่ ฟุริฮาตะ” ฮิวงะกล่าวคำชุมเมื่อเห็นว่าฟุริฮาตะสามารถสอบซ่อมวิชาคืนสภาพของต้นดอกกุหลาบได้แล้ว “ขอบคุณครับ” ฟุริฮาตะยิ้มด้วยความดีใจเมื่อได้รับคำชมจากอาจารย์ผู้ฝึกสอนเอง

และไม่นานนั้นเองที่เสียงออดได้ดังขึ้นเป็นเวลาที่จะได้ปล่อยให้เหล่าเอ็กซอร์ซิสต์ฝึกหัดไปรับประทานอาหาร

ทันใดนั้นเองที่ฮิวงะสังเกตได้ถึงความผิดปกติมาจากตัวของฟุริฮาตะ “อะ..” ดวงตาเบิกโพล้งภายใต้กรอบแว่นโลหะทรงรี “มีอะไรเหรอครับอาจารย์ฮิวงะ” ฟุริฮาตะถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของผู้เป็นอาจารย์

“มะ..ไม่มีอะไรเธอไปได้แล้ว” ฮิวงะตอบเสียงตะกุกเล็กน้อยและเพื่อที่จะไม่ฟุริฮาตะสงสัยท่าทีของเขาไปมากกว่านี้

“ระวังด้วยล่ะอย่าเป็นอะไรไปเลยนะ” เขาพึมพำด้วยความเป็นห่วงเด็กหนุ่มที่เดินลับหลังเขาไปแล้ว

 

“เพิ่งจะเข้าโรงเรียนมาได้ไม่กี่อาทิตย์ก็ติดกับตกเป็นเหยื่อสังเวยให้กับมัจจุราชไปแล้วรึนี่ เป็นฝีมือของเขาคนนั้นแน่ๆ ฟุริฮาตะ โคมะ  น้องชายของนายช่างเป็นที่น่าสงสารจริงๆนั่นแหล่ะนะชะตากรรมไม่ต่างอะไรไปจากนายเลยแม้แต่น้อย”

อาจารย์ประจำวิชาพยาบาลฝึกหัดทำหน้าสลดหดหู่ก่อนจะมองไหล่บางร่างเล็กเดินลับสายตาไป

 

 

 

 

“ไง...ครับฟุริฮาตะคุงเรานั่งที่เดียวกันอีกแล้วนะครับ” ร่างเล็กผมฟ้าเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบระบายยิ้มน้อยๆออกมาก่อนจะดูดวานิลาเชคของโปรดเข้าปากไป “อ่า.ฮะๆนั่นสินะครับ” ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆเป็นการทักทายยามเที่ยงในโรงอาหารเรือนกระจกหรู

“ว่าแต่ว่าฟุริฮาตะคอนายไปโดยอะไรมาน่ะ..” คากามิจ้องเขม็งด้วยความสงสัย “เอ๊ะ..ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ” ฟุริฮาตะครุ่นคิดอยู่เมื่อครู่แต่จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกราวกับถูกบดบังความทรงจำก่อนหน้านี้ “ไม่รู้สิฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฟุริฮาตะทำหน้าเลิกลั่กพร้อมที่นิ้วชี้ข้างใดข้างหนึ่งเกาแก้มตัวเองอยู่ไม่รู่จะทำยังไงก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นมาเมื่อครู่ “แล้วเมื่อคืนนี้ฟุริฮาตะคุงไปทำอะไรมาเหรอครับ” ใบหน้าที่ปกติจะนิ่งเงียบแลดูสุขขุมของคนตัวเล็กแล้วแต่บัดนี้กลับมีสีหน้าถอดสีออกอาการหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัดแววตาที่จริงจรังกำลังจับจ้องแววตาสีน้ำตาลเฮเซลเอาไว้อยู่ ท่าทีที่เปลี่ยนไปถ้าไม่ตอบก็คงไม่ได้สินะ ฟุริฮาตะลังเลอยู่ในใจ “คือว่าเมื่อคืนนี้ฉันกะว่าจะกลับหอพักน่ะคือไม่รู้ว่าหอพักชายมันอยู่ทางไหนก็เลยลองถามกับบรรณารักษ์ห้องสมุดเก่าน่ะ”  “แล้วไงต่อครับ!!” สิ้นเสียงตะหวาดออกไปอย่างกักอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่เขาก็ลุกยืนพรวดขึ้น  คนทั้งโรงอาหารมองจับจ้องมาที่โต๊ะตัวสุดท้ายที่มีเพียงสามเด็กหนุ่มนั่งอยู่ คุโรโกะนั่งลงแล้วปรับอารมณ์ให้เป็นปกติเพื่อรอให้ฟุริฮาตะพูดต่อให้จบ “แล้วฉันก็เข้าไปในห้องสมุดแต่พอหลังจากนั้นก็รู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงวะแล้วล่ะ” “แล้วยังไงต่อครับ” คุโรโกะเค้นให้เขาเล่าเรื่องออกมาให้หมด “ ก็นะตอนกลางคืนเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้หรอกแต่ที่น่าแปลกก็คือฉันนอนโป๊อยู่บนเตียงน่ะสิพอถามผู้ชายคนนั้นเขากลับไม่ตอบอะไรเลยน่ะสิ” พอที่ฟุริฮาตะพูดจบสีหน้าที่ตึงเครียดอยู่แล้วกลับหมองลงไปอีกและมิหนำซ้ำคากามิก็ยังเข้าสู่สภาวะเดียวกับคุโรโกะด้วยอีกต่างหาก “ผมอยากจะบอกอะไรกับฟุริฮาตะคุงเรื่องหนึ่งนะครับกรุณาตั้งใจฟังผมดีๆ” คุโรโกะพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่แฝงไปด้วยความจริงจังและซีเรียส ฟุริฮาตะนิ่งเงียบไปในทันที “อย่าเข้าไปในนั้นเป็นครั้งที่2นะครับฟุริฮาตะคุงผมเตือนคุณด้วยความหวังดีและก็อย่าไปเข้าไกล้ผู้ชายคนนั้นเด็ดขาดนะครับ” คุโรโกะกล่าวเสียงแข็ง “เอะทำไมล่ะ..”ฟุริฮาตะเริ่มข้องใจขึ้นมากับท่าทีของคนร่างเล็ก “เพราะว่าเขาเป็น..แ“กริ๊ง..กริ๊งๆ!!!”ในขณะที่กำลังจะได้คำตอบที่เป็นจุดสำคัญแต่เสียงออดเจ้ากรรมก็ดังแทรกจังหวะไปซะก่อนดีกว่าจังหวะทำไมมันช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ “เอาเป็นว่าอย่าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่านะ” เจ้าของร่างสูงโย่งรีบฉุดรั้งร่างบอบบางผมสีฟ้าออกมาก่อนที่จะพูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินจากไป “เอ๊ะ..เดี๋ยวก่อนว่าแต่..นี่เดี๋ยวสิ..” ฟุริฮาตะตะโกนเรียก เจ้าของเส้นผมสีแดงเลือดเอาไว้แต่ก็ไม่ทันไปเสียแล้ว “สรุปแล้วเราจะรู้ไหมนี่” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเฮเซลทำหน้ามุ่ยที่ทำให้เขามีคำถามคาใจสักพักแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาชำเลืองมองเวลาที่ปรากฏหน้าโทรศัพท์มือถือแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไป

 

ท้องฟ้าสีส้มกับดวงตะวันสีส้มที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปผู้คนที่ทยอยกลับเข้าหอพักไปทีละนิดและนักเรียนบางระดับที่ต้องมานั่งรอเรียนชั่วโมงเวทย์ชั่วโมงสุดท้ายจนท้องฟ้าที่มืดสนิท

“เอาล่ะ..คืนนี้ขอจบการเรียนการสอนเพียงเท่านี้ขอให้ทุกคนระวังตัวด้วยระหว่างที่กำลังจะกลับเข้าหอพักนะ”

 

ฟุริฮาตะรีบเดินตามพวกเด็กนักเรียนชายไปที่หอพักเผื่อเขาจะกลับเข้าห้องพักถูก “กริ้ง..ขลุก..ๆ” กระดิ่งสายคล้องโทรศัพท์ที่พี่ชายเอาให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วหล่นตกพื้นในขณะที่กำลังวิ่งไประหว่างทาง “ เอะ..รู้สึกเหมือนมีอะไรตกนะ..” ฟุริฮาตะเอามือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ เอะ..สายคล้องหายไป.” ฟุริฮาตะอุทานออกมาด้วยความตกใจ คราวนี้เขารีบตามหาส่ายคล้องอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่สนว่าจะกลับเข้าหอพักไปหรือไม่หรือแม้กระทั่งปีศาจจะออกมารึเปล่าในหัวสมองของเขาคิดเพียงแค่ว่าต้องหาของสำคัญของตนให้เจอให้ได้แม้จะหามาจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ที่เด็กคนอื่นๆกลับเข้าหอกันหมดแล้ว

“กริ้ง..” เสียงกระดิ่งที่ดังอยู่และมากับสายลมอ่อนๆที่พัดพา เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา และใกล้เข้า ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในเวลาแบบนี้ที่ปราศจากผู้คนอยู่มีเพียงแค่เด็กหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนสีเหลืองระดับF ยืนหาของอยู่  “เจ้ากำลังหาสิ่งนี้อยู่หรือ..” เสียงเรียบที่เอ่ยออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ฟุริฮาตะสดุ้งโหยงก่อนจะเงยหน้ากลับมามองคนด้านหลัง เรือนผมสีแดงโทนชมพูเข้มดวงตาสีทับทิมที่ชวนเสน่หา สิ่งที่อยู่ในมืออันซีดเผือกคือกระดิ่งที่ฟุริฮาตะตามหา “เอะ..เอ่อ..คือ..ใช่ครับขอบคุณครับ” ฟุริฮาตะกล่าวขอบคุณเมื่อมีคนนำของที่เก็บได้มาคืน

“ไม่เป็นไร” อาคาชิกล่าวสั้นๆ

“เอ๊ะ...คนเมื่อตอนนั้น” ฟุริฮาตะทำสีหน้าเลิกลั่กและตื่นตระหนกในใจกับการพบกันอีกครั้งเป็นครั้งที่3ในเวลาเดิมๆ นี่มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่ากันนะ ฟุริฮาตะพลางคิดแบบนั้น

 

 

 

 

“มันจะจริงรึเปล่าล่ะในเมื่อโลกนี้มันไม่มีความบังเอิญหรอกนะ..แต่จะมีเพียงแต่พรมลิขิตเท่านั้น”

       “การพบพานการพบกันเพียงสองสิ่งที่จะทำให้ชะตากรรมของทั้งสองคนเปลี่ยนไปตลอดกาล”

      “ใช่แล้วล่ะ...ชะตากรรมของทั้งสองกำลังเชื่อมโยงกันสายใยแห่งสายสัมพันธุ์ที่กำลังจะเริ่มตั้นขึ้น”

 

 

 

 

 

To be continued…………………………. 
 
 
 
 
 
 
 
 
// ในที่สุดตอนเปิดเรื่องก็เสร็จสักที เฉพาะสองตอนแรกนะต่อไปจะเข้าเรื่องหลักจริงๆแล้วล่ะนะ 
By Yuhey





 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Tokyo Ghoul Fiction yaoi tsukiyama x kaneki [สุนัขกระหายเนื้อ]

FictionYAOI [ Tokyo Ghoul ] >> Tsukiyama shuu X Kaneki ken - อาหารจานโปรด

[KNB YAOI] >>Fiction hiyoshi x hyuga >> ใต้กรอบแว่น