FictionYAOI - [KNB] - Akashi x Furihata >> love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ [[ Chapter 01 ]]
Fiction YAOI
kuroko no basket
Akashi x Furihata
Chapter 01
By Yuhey
Chapter 01
ภายในห้องโดมขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าจากแก้วคริสตัลประกายวิบวับสวยงามบนผนังห้องที่ตกแต่งด้วยภาพวาดและการแกะสลักอันประณีตหน้าหรือแม้แต่หน้าต่างกระจากหลากสีตกแต่งเป็นรูปต่างๆถึงแม้ว่าจะดูไม่สะดุดตาแต่เมื่อต้องกับแสงแดดก็สวยงามส่องประกายสีสันความเป็นเอกลักษณ์ออกมาทันทีสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเด็กหนุ่มนักเวทย์พยาบาลฝึกหัดระดับ
F อย่างฟุริฮาตะคนนี้ยิ่งนักแต่สำหรับนักเรียนหลายๆคนก็คงเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว “เจ้าหนูอย่ามัวแต่เหม่อสิดอกไม้เหี่ยวหมดแล้วนะ”
ชายหนุ่มร่างสูงที่สวมแว่นตาสะกิดด้วยการตะหวาดเสียงแข็ง
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าไม่สนใจการสอนของตน
“อะ..เอะ ขอโทษครับ อาจารย์ฮิวงะ..”
เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจก่อนจะกับเข้าสู่การเรียนวิชาเวทย์คืนสภาพดอกไม้
ฟุริฮาตะเริ่มขยับปากพึมพำท่องคาถาก่อนจะมีแสงสีฟ้าที่เบาบางเป็นแสงทอดส่องลงมายังดอกไม้ไม่นานนักดอกกุหลาบที่คอยแห้งเหี่ยวเฉาก็กลับฟื้นคืนสภาพเป็นช่อดอกกุหลาบสีแดงสดงดงามก่อนที่จะแห้งเหี่ยวเป็นสีดำเกรียมลงยิ่งกว่าเดิม
อาจารย์ผู้สอนอย่างฮิวงะจุนเปย์เป็นถึงเอ็กซอร์ซิสต์ระดับ S ที่สอนเด็กฝึกหัดวิชาเวทย์พยาบาลถึงกับกุมขมับถอนหายใจปลงกับความเซ่อซ่าเงอะงะและฝีมือในการใช้เวทย์อันห่วยบรมของเด็กหนุ่มร่างเล็กคนนี้
“อ๊า!!!แย่จังพลาดอีกแล้ว”
ฟุริฮาตะทำท่าลนลานและผิดหวังกับความสามารถของตนเอง
“ดูเหมือนจะท่องคาถาผิดอีกล้วสินะฟุริฮาตะ
โคคิไม่ต้องเสียใจไปค่อยๆเป็นค่อยๆไปเดี๋ยวก็ได้เอง” ร่างสูงราวๆ193 พูดด้วยรอยยิ้มให้กำลังใจรฟุริฮาตะก่อนจะใช้มือใหญ่ลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดูเหมือนผู้ใหญ่ลูบหัวเด็กเล็กๆแล้วเดินออกไป...
ก่อนที่เสียงออดหมดเวลาของห้องโดมสไตล์ยุโรปที่เป็นห้องสถานที่ฝึกวิชาเวทย์พยาบาล
นักเรียนในชุดเครื่องแบบสีเหลืองอ่อนเอ็กซอร์ซิสต์ระดับฝึกหัด ( F )
ทยอยออกมาจากห้องโดมก่อนที่จะไปเรียนวิชาเวทย์วิชาถัดไป
“เฮ้อ...เด็ดคนนี้จะไหวไหมนะวิชาเวทย์ภาคปฏิบัติเลวร้ายทุกวิชาเลยนี่ถึงแม้ข้อเขียนจะไปได้ด้วยดีก็เถอะ” ครูหนุ่มรำพึงกับตัวเองเบาๆก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาด้วยความวิตกกังวลเล็กๆ
หลังจากที่ชั่วโมงในการเรียนการสอนได้จบลงและเป็นช่วงเวลาพักเที่ยงอาหารกลางวันภายในโรงอาหารขนาดใหญ่ที่คล้ายๆกับภัตตาคารสุดหรูระดับห้าดาวด้านนอกตกแต่งด้วยสวนพฤกษานานาพันธุ์
ตัวอาคารทำด้วยกระจกทั้งหมดทำให้มองเห็นข้างในอย่างชัดเจนนักเรียนจากระดับชั้นต่างไล่เลียไปจากชั้นต่ำสุดอย่างชั้น
F ไปจนถึงสูงสุดของชั้น
SSS
“สวยจัง..อืมว่าแต่พี่หายไปไหนกันนะ”เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเฮเซลนัทร่างเล็กหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาพี่ชายของตัวเองในขณะ
ที่ในมือถือข้าวแกงกระหรี่อยู่นั้น
ผู้คนหลายร้อยพันคนที่กำลังแออัดอยู่ในห้องภัตตาคารโรงอาหารขนาดใหญ่บ้างก็แย่งกันต่อแถวแซงคิวไปซื้อครัวซองรสพิเศษไส้พิซซ่าบ้างหรือไม่ก็พากันแย่งเก้าอี้หาที่นั่งกันบ้างล่ะจนบางที่ก็อึดอัดจนทำให้เขาแทบเซถลาล้มลงไปหลายรอบ
“เฮ้..นายน่ะที่นี่ว่างอยู่นะ..”เสียงตะโกนจากโต๊ะข้างหลังสุดของโรงอาหารกำลังโบกมือเรียกฟุริฮาตะอยู่ชายหนุ่มผมสองสีดำแดงร่างสูงโย่งกำลังโบกมือเรียกฟุริฮาตะอยู่เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินหลบหลีกทางจากผู้คนที่ระยะประชิดเบียดเสียดเข้ามาไปมากกว่านี้
“ขอนั่งด้วยนะครับ”
“เชิญครับฟุริฮาตะคุง”
ร่างเล็กผมสีท้องฟ้านัยต์ตาสีทะเลลึกใบหน้าละเอีอดอ่อนหวานน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงยิ้มพร้อมพูดด้วยเสียงนุ่มนวลตอบรับด้วยความเป็นมิตร
ฟุริฮาตะนั่งลงก่อนจะกินแกงกระหรี่ในโต๊ะท้ายสุดโรงอาหารที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอคนที่ไม่คุ้นหน้าแถมระดับชั้นยังสูงกว่าฟุริฮาตะด้วยซ้ำส่วนเขาเองก็ยังเป็นแค่เอ็กซอร์ซิสต์ฝึกหัดที่เพิ่งจะมาเรียนได้ไม่กี่อาทิตย์ฟุริฮาตะยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับโรงเรียนนี้เลยแม้แต่น้อยถึงจะบอกรับปากแม่และพี่ชายว่าสบายมากแปบเดียวก็ชินแต่ความเป็นจริงกลับไม่คุ้นไม่ชินเลยสักนิดราวกับเขาเป็นคนนอกไม่ว่าจะเป็นกฏของโรงเรียน
หรือ เนื้อหาการเรียนต่างๆ รวมถึงหอพัก
และอาคารเรียนต่างๆและยิ่งแย่ไปกว่านั้นเขาไม่มีเพื่อนเลยสักคน ไหนจะ
ระดับชั้นบ้าบออะไรนี่อีก
ที่เขามาเรียนที่นี่เขาเองก็ไม่ได้มีความคิดหรือความตั้งใจที่จะเป็นนักปราบผีเอ็กซอร์ซิสต์หรอกแต่เพราะเห็นว่าไกล้กับที่ทำงานของคุญแม่และถูกพี่ชายบังคับมากกว่า
“ว่าแต่รู้จักชื่อผมได้ยังไงครับ” ฟุริฮาตะถามด้วยความงงในขณะที่กำลังจะเอาจานไปเก็บเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อยยิ้มน้อยๆออกมาตอบด้วยเสียงราบเรียบ
“ฟุริฮาตะคุงใครก็รู้จักคุณครับโดยเฉพาะเอ็กซอร์ซิสต์ระดับสูง”
เมื่อฟุริฮาตะได้ยินดังนั้นก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกแต่พอมาคิดดูดีๆแล้วต้องเป็นพี่ชายเขาแน่ๆเลยที่เป็นคนแนะนำเขาให้คนอื่นๆรู้จักน่ะ
คิดไปก็เท่านั้นเขารีบเอาจานไปไว้ในอ่างล้านจานก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม คราวนี้มีแขกที่มาจากไหนไม่รู้อีกคนชายหนุ่มร่างสูงผมสีทองขนตาเรียวยาวใบหน้าหล่อเหล่ากำลังนั่งสนทนาอย่างออกรสกับร่างเล็กผมสีท้องฟ้าอยู่อย่างนั้นตามด้วยที่คนตัวสูงผมสองสีทำสีหน้าโกรธจัดทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่สบอารณ์
“เน่ๆ..คุโรโกจจิ..แล้วอาคาชิจจิหายไปไหนอ่ะตอนประชุมไม่เห็นโผล่มาเลยนี่”
ร่างสูงผมสีทองสักถามด้วยความสงสัยแต่ในขณะเดียวกันที่ร่างเล็กก็ทำท่าทางครุ่นคิดเมื่อสักครู่ก่อนจะพิจารณาอยู่ในความคิดของตัวเองแล้วกลั่นกรองออกมา
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับเพราะปกติแล้วอาคาชิคุงเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของตัวเองหรอกนะครับ”
เขาตอบไปพลางยกเครื่องดื่มวานิลาเชคของโปรดขึ้นมาดื่ม
หลังจากนั้นบรรยากาศความเงียบก็เริ่มเข้าปกคลุมบริเวณรอบโต๊ะขึ้นมาเสียดื้อๆก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งทักขึ้น
“เอ่อคือว่า...ที่นั่ง..” ฟุริฮาตะที่ยืนฟังมาตั้งแต่แรกแต่ดูเหมือนว่าทุกคนที่โต๊ะนี่คงยังไม่รู้สึกตัวดูเหมือนว่านอกจากร่างเล็กที่แทนที่จะดูจืดจางแล้วนั่นแต่กลับเป็นเขาเสียเองที่จืดจางซะเอง
“อ่า..นั่นน่ะสินะแนไปล่ะคุโรโกจจิและก็คากามิจจิด้วยนะ” เด็กหนุ่มร่างสูงหุ่นนายแบบกล่าวลาและลุกออกจากโต๊ะไป
“เอ่อ..คือ..”
“ผม คุโรโกะ เทตสึยะ ครับส่วนทางนี้ คากามิ ไทกะคุงครับ”
ร่างเล็กกล่าวแนะนำตัวเมื่ออีกฝ่ายทำท่าอีดออดไม่รู้จะพูดอะไรถึงแม้ว่าจะรู้ตัวเอาว่าคงจะแนะนำตัวช้าไปก็เถอะแต่ถึงอย่างนั้นฟุริฮาตะก็ไม่ถือสาเลยสักนิด
“คุณคุโรโกะ..ครับ”
“เอ่อเรียกคุโรโกะก็ได้ครับพวกเราอายุเท่ากันน่ะครับถึงแม้ว่าตำแหน่งจะไม่เท่ากันก็เถอะ”
เด็กหนุ่มสวนขึ้นทันควันและกล่าวอย่างนอบน้อม
“คือว่าที่นี่ที่โรงเรียนนี้สรุปคือมันยังไงกันแน่เหรอครับคือแบบว่าพี่ไม่เคยเล่าเกี่ยวกับเรื่องดรงเรียนนี้เลยน่ะครับเอ่อ”
ฟุริฮาตะผู้ติดนิสัยชอบขี้สงสัยมาแต่ไหนแต่ไรบวกความความนอบน้อมถ่อมตนจนเกินไปพูดด้วยน้ำเสียงกระอักกระอวนพลางคิดทบทวนรวนซ้ำไปมาอย่างลนลานว่าจะเป็นการรบกวนหรือเสียมารยาทกับเขารึเปล่าจะโดนหาว่าเซ้าซี้ไหมหรือจะถูกหัวเราะใส่อะไรบ้าง
“นั่นสินะครับเอาเป็นว่าผมจะอธิบายให้ฟังนะครับและตั้งใจฟังให้ดีนะครับ”
เด็กหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องดอกไม้ในธารน้ำแข็งปรับโหมดเข้าสู่ใบหน้าที่ขึงขังและจริงจัง
“คะครับ”
ฟุริฮาตะกลืนน้ำลายเอือกหนึ่งลงคอไปก่อนจะนั่งนิ่งๆสงบสเงี่ยมทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี
“โรงเรียนเอ็กซอร์ซิสต์แอลลิก้าแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปถึงแม้ว่าจะเป็นโรงเรียนเอกชนโดยเป็นแหล่งรวมสอนวิชาเวทย์และไสยศาสตร์ต่างๆให้กับเด็กในโรงเรียนซึ่งแต่ก่อนก็เป็นเพียงแค่โบสถ์ที่เป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในหมู่บ้านน่ะและอีกอย่างหนึ่งก็เป็นสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยน่ะนอกนั้นผมก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกแต่ก็อย่างที่ฟุริฮาตะคุงเห็นแหล่ะครับไม่ว่าเด็กนักเรียนจะอายุเท่าไหร่เพราะโดยส่วนมากแล้วที่นี่จะรับนักเรียนที่อายุ16ปีขึ้นไปน่ะ
ขึ้นอยู่กับความสามารถน่ะครับไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ
ตามระดับตำแหน่งช่วงแรกๆเองผมก็ได้ระดับ F
เหมือนคุณนี่แหล่ะครับแล้วก็ค่อยๆไต่ระดับขึ้นมาอยู่ระดับ D
หน่วยเวทย์สำรวจครับแล้วก็ระดับตำแหน่งจะแบ่งออกไปเป็น 10 ตำแหน่งครับ”
“ระดับ F อยู่ในเกณฑ์ระยะเริ่มต้นหรือฝึกหัดแรกๆคุณเองก็ต้องเรียนวิชาด้านเวทย์การแพยท์เป็นหลักของระดับนี้
“ระดับ A อยู่ในเกณฑ์ปกติโดยเป็นหน่วยรักษาพยาบาลฝึกหัดและมีโอกาสได้ฝึกงานจากประสบการจริง”
“ระดับ B อยู่ในเกณฑ์ดีและเป็นหน่วยจัดการควบคุมเรื่องยารักษาน่ะ”
“ระดับ C
อยู่ในเกณฑ์ปานกลางและเป็นหน่วยสำรวจฝึกหัดต้องเรียนรู้ด้านเวทย์ที่ต้องใช้ไหวพริบครับ”
“ระดับ D อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมและพร้อมที่จะเข้าหน่วจตรวจตราสอดส่องหรือป้องกันไม่ให้ปีศาจและผีร้ายเข้ามาในเขตนี้น่ะครับ”
“ระดับ S ครับ
อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากและเป็นเอ็กซอร์ซิสต์ฝึกหัดครับต้องเก่งในด้านเวทย์มนต์คาถาต่างๆ”
“ระดับ SS ที่ถัดออกมาจากระดับเมื่อก็นะครับคืออยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะเป็นเอ็กซอร์ซิสต์เต็มตัวแล้วล่ะครับ”
“ระดับ SSS
เป็นเอ็กซอร์ซิสต์เต็มขั้นแล้วครับอยู่ในกลุ่มที่ทำงานเป็นกองกำลังปราบปีศาจน่ะครับ”
“ระดับ J คอยจัดการเรื่องความเสียหายและมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกคนน่ะครับทำงานร่วมกันกับระดับ
K”
“และระดับสุดท้ายระดับ K ครับเป็นระดับสูงสุดและส่วนมากจะมีน้อยมากระดับนี้ต้องมีพรสวรรค์และมากด้านความสามารถจริงๆถึงจะไปได้ครับคือพูดได้ว่าควบคุมทุกคนระดับทั้งหมดได้เลยล่ะ”
“โหเยอะขนาดนั้นเลยแหะอย่างกับยศตำแหน่งบริษัทเลย”
เด็กหนุ่มทำตาลุกวาวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเงียบและให้คุโรโกะพูดต่ออีก
“นั้นสินะต่อเลยนะครับ และก็หอพัก จะแยกระหว่างหอพักหญิงและชายครับ
ไม่ต้องห่วงเรื่องการหลังหอเพราะเพียงแค่อยู่ตรงข้ามหรอกครับเพราะหอชายจะไม่จัดแยกว่าระดับไหนโดยไม่ตัดป้ายตัวอักษรไว้หรอกครับเพื่อไม่ให้ยุ่งยากแตกต่างจากหอหญิงโดยสิ้นเชิงที่จัดแยกแยะว่าระดับไหนอยู่ชั้นไหนกันแน่โดยติดป้ายตัวอักษรชัดเจนครับ”
คุโรโกะพูดจบแล้วยกแก้วน้ำเครื่องดื่มวานิลาเชคของโปรดขึ้นมากระดกดื่มเข้าไปจนหมด
“เน่..คุโรโกะว่าแต่อาคาชิคือใครเหรอ..” ฟุริฮาตะถามด้วยความอยากรู้และสงสัยหลังจากที่เห็นการสนทนาระหว่างหนุ่มผมทองกับคุโรโกะเมื่อสักครู่แต่ดูเหมือนว่าบรรยากาศแห่งความอึกครึมเริ่มมาปกคลุมบริเวณโต๊ะนี้ทันที
“แค่กๆ..”
ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามสำลักแฮมเบอร์เกอร์ชีสหลังจากได้ยินชื่อของใครคนนั้น
ส่วนคุโรโกะก็ทำสีหน้าตื่นตระหนกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
“เป็นอาจารย์ของพวกผมเองครับและก็เป็นเอ็กซอร์ซิสต์ระดับ K ด้วยครับ..”
สีหน้าความเจ็บปวดที่แสดงออกทางสีหน้าของเด็กหนุ่มร่างเล็กอย่างชัดเจน
ฉันไม่ควรที่จะถามเขาสินะ
ฟุริฮาตะคิดอย่างนั้น “เอ่อขอโทษนะทั้งที่เป็นเรื่องไม่ควรที่จะถามน่ะเอ่อ”
ฟุริฮาตะเลิกลั่กไม่รู้จะพูดยังไงเพราะรู้ดีว่าตัวเองทำเรื่องที่เสียมารยาทเข้าให้แล้ว
‘กริ๊ง...กริ๊ง..!!’
เสียงออดดังขึ้นบอกเวลา 13 : 00 นาที
เป็นเวลาที่จะต้องเข้าเรียนฝึกวิชาเวทย์วิชาถัดไปในระหว่างที่ฟุริฮาตะกำลังจะลุกขึ้นและร่างสูงที่กำลังจะตามร่างเล็กเดินไปที่อาคารเขาฝากคำพูดทิ้งท้ายด้วยความหวังดีให้กับฟุริฮาตะไว้
“คุณอาคาชิ
น่ะอย่าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่านะถ้าจะให้ดีอย่าไปข้องแวะเกี่ยวข้องกับเจ้านั่นเด็ดขาดเจ้าหมอนั่นน่ะเป็นบุคคลอันตรายที่เขาลือกันว่าเจ้านั่นเป็นปีศาจ..”
พูดจบลงทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทิ้งท้ายให้คงตรงนี้สงสัยและงงเล่นๆรึเปล่ากันนะคิดไปก็เท่านั้นถึงยังไงซะเขาคงไม่ได้เจอคนแบบนั้นหรอกฟุริฮาตะคิดเช่นนั้น
“เอาล่ะภาคเรียนขอภาคค่ำอาจารย์ก็ขอทำการจบการสอนเพียงเท่านี้ครับ”
อาจารย์ที่สวมเครื่องแบบสีขาวบนอกเสื้อข้างขวามีอัษรรูปตัว S อยู่กล่าวพร้อมคำนับนักเรียนที่นั่งอยู่ในห้องก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ลืมหนังสือตำราการสอนวิชาเวทย์พยาบาลให้กับเหล่านักเรียนเวทย์หน่วยพยาบาลฝึกหัด
“ทำไมถึงต้องมีเรียนภาคค่ำด้วยน๊า~เฮ้อ~”ฟุริฮาตะ
บ่นไปพลางถอนหายใจพลาง
“ก็เพราะว่าช่วงนี้เราต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษน่ะกฎเพิ่งจะตั้งเมื่อไม่นานมานี้เมื่อหนึ่งปีก่อนเอง”
เด็กสาวที่นั่งข้างๆโต๊ะเรียนในชั้นระดับเดียวกันพูดขึ้น
“เอ๋...ทำไมกันอ่ะ”
ฟุริฮาตะชักเริ่มจะสงสัยในสิ่งที่เด็กสาวพูดขึ้นมาแล้วสิ
“ก็เพราะว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนน่ะสิได้ยินจากรุ่นพี่มาว่าเมื่อปีก่อนเหล่าพวกปีศาจได้บุกเข้าทำร้ายหมู่บ้านเป็นจำนวนมากเลยล่ะแถมพวกเอ็กซอร์ซิสต์ระดับสูงๆตายเกลื่อนกลาดเลยด้วยพอถึงปีที่พวกเราเข้ามาก็เริ่มเคร่งครัดมากขึ้นเพื่อไม่ให้เสียจำนวนประชากรนักเรียนไปมากกว่านี้น่ะ”
เด็กสาวพูดเล่าเรื่องออกมาด้วยสีหน้าปกติเหมือนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ทุกคนในห้องเรียนเริ่มพากันแยกย้ายเข้าหอพักของตัวเอง
“ฉันไปล่ะนะฟุริจังแล้วก็ระวังตัวดีๆด้วยนะเห็นเขาบอกว่าพวกปีศาจจะออกหากินตอนกลางคืนล่ะ”
เด็กทำทีพูดขู่ให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเฮเซลกลัวเล่นๆ
แต่มันกลับไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสำรับเขาน่ะสิแถมพี่ชายของเขาเคยบอกบ่อยๆด้วยว่าเรามักจะเห็นปีศาจในตอนกลางคืน
“อืม....ว่าแต่หอพักชายอยู่ไหนล่ะทีนี้..”
เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินไปพลางคิดไปโชคดีที่ยังพอมีแสงของประจันทร์ครึ่งเสี้ยวความสาดส่องแสงลงมามากพอที่จะมองเห็นทางเดินก่อนที่จะยืนหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่งที่มีไฟเปิดอยู่และกำลังจะเคาะประตูแต่ก็หยุดชะงักเพราะมีป้ายติดไว้
‘ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต’
แต่ถึง ยังนั้นก็ไม่มีตัวเลือกอยู่ดีระหว่างตัวเลือกที่ว่าเขาจะเดินหาหอพักเองโดยลำพังจนกว่าจะหาเจอและโดนปีศาจจักกันระหว่างทางหรือจะขอให้คนช่วยบอกทางไปดี
ในเมื่อตัวเลือกนี้ดีกว่าไหนๆฟุริฮาตะเคาะประตูเพื่อให้แน่ใจว่ามีคนอยู่รึเปล่า
‘ก๊อก..ก๊อกๆๆ’
“มีใครอยู่ไหมครับเอ่อ..คือว่ามีใครอยู่ไหมคะ..ครับ”
ในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าๆคร่ำครึสิ่งของภายในห้องล้วนมีแต่ฝุ่นจับเกาะเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลาหลายปีราวกับไม่มีคนอยู่
“อืม..ท่านอาคาชิ..ฉันต้องการคุณซะเหลือเกิน..”
เสียงหวานๆที่แสดงอาการออดอ้อนคนตรงหน้าอย่างเต็มที่เสียงของเด็กหนุ่มร่างเล็กปริศนาที่คาดว่าน่าจะไม่ใช่เด็กของโรงเรียนนี้ใบหน้าที่น่ารักไร้เดียงสาอายุราวๆ14-15ปีซึ่งบัดนี้กำลังอยู่ในสภาพไม่สวมอาภรใดๆและอยูในลักษณะถูกคร่อมอยู่ใบหน้าที่หวานหยาดเยิ้มไปด้วยความต้องการความรักและไออุ่นจากร่างสูงที่อยู่เบื้องบน
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเขาก็จะคิดที่จะกินเด็กวัยแรกรุ่นคนนี้เสียทีแต่ก็ต้องน่าเสียดายและต้องหยุดกลางคันอย่างเสียมิได้เพราะได้มีการขัดจังหวะจากคนนอกที่ไร้มารยาทที่บังอาจมาเคาะประตูในเวลาดึกๆดื่นๆ
คิดแล้วก็เสียอารมณ์คิดแล้วก็หงุดหงิดใครกันที่บังอาจมาขัดจังหวะในการรับประทานอาหารของพระราชาอย่างอาคาชิคนนี้กัน
“โซชิคุงวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะแล้วก็เจ้าก็กลับบ้านไปได้แล้วเดี๋ยวพ่อกับแม่ของเจ้าจะเป็นห่วงเอานะ”
อาคาชิจรดริมฝีปากไปที่กลางหน้าผากของหนุ่มน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะรับจัดแจงเสื้อผ้าและรีบวิ่งเปิดประตูออกมาก่อนจะวิ่งหายไป
“เจ้ามีธุระอะไรกับข้ารึแล้วมาทำอะไรดึกๆดื่นแถวนี้”
หือเด็กเมื่อวานนี่เองดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กใหม่สินะดูธรรมดากว่าที่คิดแถมยังไม่มีเสน่ห์ดึงดูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ..คือว่าผม” ท่าทางจะเป็นคนไร้เดียงสาดีนะ
ชายหนุ่มแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างมีพิรุธพร้อมกับจับมือของร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าเข้าห้องไป
“เข้ามาข้างในก่อนสิถ้าเจ้ามัวแต่ยืนอยู่แบบนั้นเผลอๆอาจะถูกพวกมนุษย์หมาป่าที่หิวกระหายฉุดไปกินเป็นอาหารเอานะ”
เขาพูดด้วยความเป็นห่วงที่ดีแสร้งแกล้งทำโดยที่ฟุริฮาตะไม่สังเกตเห็นอะไร
“เอ่อคือว่าหอพักไปทางไหนเหรอครับหอพักชายน่ะครับ”
เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัยและกังวลเล็กๆก่อนจะยกนิ้วชี้ข้างขวาขึ้นมาเกาแก้มด้วยความไม่มั่นใจ
“หืม..เจ้าก็ดูในแผนที่สิ.มันก็อยู่ในแผนที่อยู่ไม่ใช่รึ”
อาคาชิตอบเสียงราบเรียบก่อนจะยื่นโกโก้ร้อนให้กับร่างเล็กที่นั่งตรงโซฟาด้านตรงข้าม
“เอ่อขอบคุณครับ..”
“แต่ว่าผมก็ดูในแผนที่แล้วนะครับผมเดินตามที่ผ่านที่บอกมาทั้งหมดเลยแต่พอไปถึงก็เห็นแต่ป่าไม่เห็นหอพักเลยล่ะครับ”
เด็กหนุ่มตอบออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและลอกแลกไปมา
“ดูเหมือนจะถูกกั้นด้วยวิชาอาคมน่ะมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นอาคารตอนกลางคืนได้หรอกนอกจากมนุษย์ผู้มีสายเลือดและพลังของเอ็กซอร์ซิสต์ที่ไหวเวียนอยู่เท่านั้นแหล่ะ”
อาคาชิพูดด้วยน้ำเสียงปกติก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบ
งั้นก็แสดงว่าเขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดางั้นแหรอ
ฟุริฮาตะอึ้งไปสักพักก่อนจะนั่งดื่มโกโก้อย่างเงียบๆไร่ซึ่งการสนทนาระหว่างเขาและชายหนุ่มที่เขาเองก็ไม่รู้จักเหมือนกันความเงียบงันที่เข้าปกคลุมอีกครั้งในค่ำคืนที่กำลังดำเนินต่อไปอย่างเงียบเชียบหลังจากที่ปิดปากพูดเป็นเวลาหลายชั่วโมง
“คือว่าผมขอกลับก่อนนะครับและขอโทษที่มารบกวนนะครับ” พูดพร้อมโค้งตัวขอโทษกอนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูแต่ก็ถูกเมือเรียวยาวรั้งท้ายเอาไว้
“เจ้าจะออกไปจริงๆนะเหรอข้าเคยบอกแล้วนิว่าข้างนอกน่ะอันตรายเผลออาจจะถูกจับกินก็เป็นได้เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนเถิด”
“ต...แต่ว่า.” คำพูดถูกหยุดชะงักด้วยมือเรียวปิดปากเอาไว้พร้อมส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรฟุริฮาตะลังเลไปซักในก่อนจะตอบตกลงในทันทีอย่างเสียมิได้
“งั้นผมจะนอนโซฟานะครับ”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าที่ยังลังเลและเกรงใจเขาอยู่แต่ใครจะยอมให้ร่างบางตัวเล็กถึงแม้จะเตียกว่าเขาไปเพียงแค่สามเซนแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเกลัวว่าร่างบางจะหนาวตายซะก่อนเพราะในห้องที่แสนเก่าคับแคบที่เป็นห้องหนังสือปิดตายของโรงเรียนไม่มีฮิตเตอร์ทำความอุ่นสะด้วยสิ
“เจ้าก็มานอนในห้องกับข้าก็ได้นี่”
“เอ่อ..”
“จะนอนกับข้าหรือไม่”
คราวนี้อาคาชิทำสายตาขึงขังและดุดันและพูดเสียงแข็งทำให้ฟุริฮาตะเกิดอาการกลัวจนตัวสั่นไม่รู้เพราะอะไรอาจจะเป็นออร่าความน่าเกรงขามของเขาแผ่ออกมาก็เป็นได้ถ้าเขาปฏเสธล่ะก็ดีไม่ดีก็อาจจะถูกฆ่าก็เป็นได้
“ขะครับ” ตอบด้วยความจำใจบอกกับความกลัวที่ห้ามไว้ไม่อยู่
“หวะ..เหวอ.!!!!!” ฟุรฮาตะร้องเสียงหลงหลังจากถูกร่างสูงสมส่วนอุ้มพาดบ่าเข้าห้องไป
To be continued………………………….
// อาคาชิจะทำอะไรฟุริฮาตะกันน่ะ คราวหน้าสงสัยจะติดเรทแน่นอนชัวร์เลยในหัวฉันมันมีแต่เรื่องติดเรทเต็มเลย..555+
By Yuheyzuki sora
ความคิดเห็น