FictionYAOI - [KNB] - Akashi x Furihata >> love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ [[ Prologue ]]
Fiction YAOI
Kuroko no basket
Akashi x Furihata
PG
love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ บทนำ
by Yuhey
Kuroko no basket
Akashi x Furihata
PG
love sweet blood ที่รักของนายแวมไพร์ บทนำ
by Yuhey
มันเป็นคืนที่ฟ้ามืดสนิทยามรัตกาลอันมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงแค่แสงของดวงพระจันทร์สีแดงชาดเหมือนเลือดที่คอยสาดส่องลงมายังผืนแผ่นดินโลกแสงจากตัวมันคอยกระตุ้นปลุกเหล่าวิญญาณทุกสรรพสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้ในเงามืดในซอยตรอกของตึกใหญ่รวมถึงศาลเจ้าหรือแม้กระทั่งบริเวณริมถนนสามแพร่งพวกมันต่างเริงร่าสุขสันต์ยามราตรี
เหล่าภูต ผี ปีศาจ ที่ล่องลอยละลิ่วโฉบบินไปมาอย่างสนุกสนาน
ระงมไปด้วยเสียงเห่าหอนของเหล่าหมาป่าและสุนัขตามบ้านอาคารเรือนต่างๆ
“ไปกันได้แล้ว..เหล่าสมุนของข้า”
ชายหนุ่มผมสีบานเย็นที่ต้องกับแสงจันทร์สีแดงทำให้ดูน่าเกรงขามและน่ากลัวขึ้นนับทวีคูณ
ร่างสูงสมส่วนในชุดสูทผ้าคลุมสีดำเนกไทสีแดงชาด ดวงตาสองสีริมฝีปากได้รูปฉีกยิ้มเยาะออกมาเผยให้เห็นฟันเขี้ยวราวกับเขี้ยวของงู
พร้อมที่จะเขมือบเหยื่อได้ทุกเมื่อ
ใช่แล้ว...เขาคือผู้นำของภูตผีปีศาจอสูรกายในแถบเมือง แอลลิก้า
แห่งนี้ ‘อาคาชิ เซย์จูโร่’ แวมไพร์หนุ่มผู้น่าเกรงขามที่แม้แต่ปีศาจด้วยกันยังเกรงกลัว.....
Prologue
ท่ามกลางศพของผู้คนมากมายที่สวมชุดขาวตรงปกเสื้อมีเข็มกลัดรูปไม้กางเขนติดปีกสีทอง
มีอักษรรูปตัวSบอกถึงยศตำแหน่งของร่างที่ไร้วิญญาณนั้น แต่ละคนที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นใส่ชุดเครื่องแบบเดียวกันอักษรที่เข็มกลัดแตกต่างกันไปตามความแข็งแกร่งของแต่ละคน
เลือดที่แดงฉานไหลนองเต็มพื้นอาวุธมากมายที่บางส่วนหักอาทิ ปืนไรเฟิล .45 แม็กนั่มด้ามปืนหักบุบเบี้ยวไม่เหลือเค้าเดิม คันธนู หรือ ดาบซามูไร
สารพัด
“ สามารถโค่นเอ็กซอร์ซิสต์ระดับ S ลงได้เหรอเนี่ย
ปีศาจพวกนั้นคงแข็งแกร่งน่าดูเลยล่ะสิเนี่ย”
เด็กหนุ่มที่สวมชุดเครื่องแบบสีเขียวมะกอก
กับเข็มกลัดรูปไม้กางเขนติดปีกสีเงินมีอักษรรูปตัว A อยู่
พูดด้วยสายตาประหวั่น
“10
ปีจะมีสักครั้งที่จะมีคนล้มตายบาดเจ็บสาหัสไปหลายคน” เด็กหนุ่มผมเกรียนในชุดเครื่องแบบเดียวกันก็พูดสวนขึ้น
“พอรุ่งเช้าหน้าที่เก็บกวาดแบกหามเหล่าเอ็กซอร์ซิสต์
ที่บาดเจ็บหรือล้มตายก็คือหน้าที่ของพวกเราหน่วย พยาบาลเวทย์รักษา เฮ้อ~”
หญิงสาวผมสั้นที่หน่วยเดียวกันก็พูดแทรกขึ้นพลางถอนหายใจตัดเพ้อปลงกับภารกิจที่ตนได้รับมอบหมายหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้วกลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตัวเมืองที่อยู่ลาดเชิงเขาแอลลิก้า
“สรุปคือภารกิจในตอนนี้ล้มเหลวสินะ”
เสียงซุบซิบของนักเรียนกลุ่มหนึ่งในห้องเรียนชั้นสองของอาคารตึก5ชั้นที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปสีขาวกับรูปปั้นแกะสลักนกอินทริย์หินอ่อนที่ประดับตัดอยู่หน้าจั่วของอาคาร
“ฟุริฮาตะ คุง ช่วยถือเอกสารอันนี้ไปที่ห้องทดลองยาให้หน่อยนะ”
อาจารย์ในชุดบทหลวงวานให้เด็กหนุ่มตัวเล็กถือเอกสารหนักๆหนังสือที่เป็นเล่มๆด้วยน้ำหนังที่แทบจะพอๆกันกับน้ำหนักตัวของเขาแล้วก็แทบจะเซล้มลงไปได้ทุกเมื่อ “เอ่อคือว่า...ดะ.เดี๋ยวก่อนครับ..หวะ..หวา.ๆ”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรบวกกับหนังสือที่วางเรียงกันจนสุดท่วมหัวของเขาที่กำลังถืออยู่เริ่มโงนเงนไปมาแล้วการทรงตัวเริ่มเสียสมดุล
กว่าจะประคองตัวเองได้ก็พบว่าอาจารย์บาทหลวงท่านนั้นได้เดินไปไกลลับตาเสียแล้ว
“จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ห้องทดลองยาอยู่ทางไหนอาคารไหนกันแน่เนี่ยเราเองก็ไม่รู้ซะด้วยสิแถมเรายังเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เพียงอาทิตย์เดียวเองนี่
เฮ้อ~”
เด็กหนุ่มพูดพลางตัดเพ้อถอนหายใจ ก่อนที่จะเดินไปทุลักทุเล
ฟุริฮาตะ โคคิ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเฮลเซลนัทกับดวงตาสีเดียวกันใบหน้าอ่อนหวานไร้เดียงสาเหมือนเด็กแต่จริงๆอายุ
17
เขาเพิ่งมาเรียนอยู่ที่นี่ได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ที่แล้วเพราะเหตุที่ต้องย้ายมาก็เพราะพี่ชายเป็นอาจารย์ฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนเอ็กซอร์ซิสต์
ปราบปีศาจ ที่ เกาะ แอลลิก้าแห่งนี้
แรกๆเขาคิดว่าเอ็กซอร์ซิสต์
จะมีอยู่ในนวนิยายหรือในหนังสือการ์ตูนที่เคยอยู่ซะอีกแต่ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอๆเอสซอร์ซิสต์ในโลกแห่งความเป็นจริง
“อืม..ใช่ห้องนี้รึเปล่านะ”
ฟุริฮาตะลังเลอยู่เมื่อครู่กับมองบ้ายชื่อห้องไม่ถนัดเพราะหนังสือที่ยกมามันบังหน้าเขาเอาไว้นี่สิ
จะคิดไปก็เสียเวลาบวกกับแขนทั้งสองข้างเริ่มอ่อนล้าจากการที่ยกของหนักๆนานๆ
เขารีบเปิดประตูเข้าไปโดยไม่สนใจว่ามีกระดาษที่แปะไว้หน้าห้อง
‘เขตต้องห้ามกรุณาห้ามเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต’
“อืม...อะ..อ๊ะ..ตรงนั้นไม่ได้นะครับอาจารย์อาคาชิ..~”
เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากงหลังตู้เก็บหนังสือเสียงของใครบาคนกำลังหอบหายใจด้วยอารมณ์ความใคร่ที่เต็มเปี่ยม
“หะเหวอ..จะตกแล้วๆๆ”
“เสียงอะไรน่ะ”
เสียงเย็นๆเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินออกมาในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดหลุ่ยกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดกระดุมเกีอบหมดเผยให้เห็นแผงอกอันแข็งแกร่งก้าวเดินออกมาทั้งๆแบบนั้น
“ตุบๆ..”
กองเอกสารหนังสือสารพัดถล่มลงมากับร่างของเด็กหนุ่มที่เซถลาสะดุดล้มแบบไม่ตั้งใจ
ดวงตาสีเฮลเซลหลับตาปี๋เพื่อเตรียมตัวล้มลงกระแทกพื้น
แต่ก็ต้องประหลาดใจที่แทนที่จะหน้าล้มคะมำฟาดพื้นไม่เลยใบหน้าซบลงกับวัตถุแข็งและอบอุ่นแต่ไม่เจ็บเด็กหนุ่มรีบผละออกมาพร้อมกับลืมตา
“หืม??”
ใบหน้าคมคายหล่อเหลาจ้องมองบุคคลที่อยู่ตรงหน้าอย่างงวยงงกับความสงสัยปนเปกันไปส่วนฟุริฮาตะที่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะประชิดที่แทบเรียกได้ว่าอีกเพียงแค่เซนเดียวก็อันตรายมากแน่ๆ
เขาตัวแข็งทื่อเหมือนหินแรงกดดันบางอย่างจากตัวของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมาความหวาดประหวั่นที่อีกฝ่ายมอบให้เขาไม่สามารถลุกออกไปไหนได้ก็เพราะทำไมถึงลุกออกไปไม่ได้น่ะเหรอก็เพราะว่าเขาอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายในลักษณะท่านอนทันกันอยู่น่ะสิแถมมือแกร่งสีซีดยังโอบรัดตัวเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่เสียก็ไม่รู้ก่อนที่มือแกร่งนั่นจะคลายออกในห้องมืดมึดที่มีเพียงแสงทองลงมาจากหน้าต่างเป็นแสงสลัวๆที่เต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายสารพัดทั้งหนังสือวิชาการหนังสือประกอบการสอนรวมถึงหนังสือนวนิยายอีกด้วยในห้องที่ดูทรุดโทรมและเก่าคร่ำครึพร้อมฝุ่นเขลอะจับอยู่ตามสิ่งของต่างรวมทั้งหนังสือหน้าต่างที่ใสใจแต่ตอนนี้กลับแทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำเพราะฝุ่นจับเกาะจนกลายเป็นสีขาวมองออกไปด้านนอกหน้าต่างได้เพียงเห็นภาพแค่สลัวๆ
“เอ่อ..คือ..ขะ..ขอโทษครับ” ร่างบางโค้งตัวลงขอโทษด้วยความสำนึกผิดเพราะความซุ่มซ่ามของตนเอง
ก่อนจะเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองไปเก็บหนังสือที่ระเนระนาดกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบเขารีบเก็บหอบหนังสืออย่างเร่งรีบเก็บแล้วเก็บอีกก่อนจะก้มทั้งที่หอบหนังสืออีกหลายเล่มอยู่ขึ้นมาเก็บแต่
มือสีซีดเซียวก็เอื้อมไปหยิบกับเขาพร้อมกันชายหนุ่มเรือนผมสีแดงดั่งเส้นแพรไหมยื่นหนังสือไปให้เด็กหนุ่มในขณะที่ฟุริฮาตะกำลังยื่นมือรับหนังสือจากคนตรงหน้าและกำลังจะหดมือกลับก็ถูกมือแกร่งกุมมือเอาไว้พร้อมกลับนัยต์ตาสีแดงสดสบกับดวงตาสีเฮลเซลนัทที่กำลังสั่นไหวราวกลับแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ฟุริฮาตะโคคิสบตากับอาคาชินิ่งราวกับถูกสะกิดจิตแววตาอันเฉียบคมเหมือนดวงตาของสัตว์เจ้าป่าที่กำลังมองลึกเข้าไปค้นหาจิตใจของอีกฝ่ายกระแสไฟฟ้าอ่อนๆสั่นไหวในชั่วขณะในขณะที่ทั้งสองสบตากัน
ร่างกายกระตุกวูบใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้ กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีริมฝีปากสวยได้รูปก็เข้ารุกล้ำพรมจูบเขาไปไหนต่อไหนแล้ว
“อะ...อย่า...ไม่นะ!!!!!”
ฟุริฮาตะใช้แรงทั้งหมดที่มีผละตัวออกมาทันที
พร้อมกับการหายใจหอบถี่สูดออกซิเจนเข้าไปห็มากว่าปกติหลังจากขาดอากาศหายใจนานเพียงชั่วครู่อาการสั่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
ฟุริฮารีบปรับเข้าโหมดอารมณ์ปกติเท่าที่จะทำได้
แล้วเปิดประตูออกไม่ไม่ลืมที่จะถามชายหนุ่มที่อยู่ในห้อง
“ว..ว.ข..คือว่าห้องทดทองยาอยู่ไหนเหรอครับคือว่าผมเข้ามาผิดห้องน่ะครับ"สีหน้าตื่นตระหนกหยาดเหงื่อที่ชุ่มหยดออกมาเปียกที่เส้นผม
ตรงข้ามกับที่ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องกลับบอกทางเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิด
“เลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมบันไดทางทิศตะวันตกเดินตรงไปที่ห้องมุมซ้ายอยู่ห้องแรกสุด”
“ขอบคุณครับ”
เด็กหนุ่มรีบเดินออกไปโดยไม่ใจใส่อะไรมากนักอีกทั้งยังไม่สังเกตหรือระแวดระวังอะไรเมื่อรู้คำตอบที่ต้องการแล้วก็รีบเดินไปสายตาอันเฉียบคมดั่งสัตว์ป่าจ้องมองเหยื่อที่กำลังหอบหนังสืออย่างทุลักทุเลอย่างไม่วางตาก่อนที่ร่างบางจะลับสายตาไป
“อะไร..กันงั้นเหรอครับอาจารย์อาคาชิ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กปริศนาแถมด้วยความสงสัยและไร้ซึ่งคำตอบที่หายข้องใจอีกฝ่ายสนใจกับเด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์
ดุจดั่งอัญมณีแท้ที่ไร้สิ่งสิ่งแปลกปลอมและยังคงแวววาวออกมา
“เด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ...หึหึ”
เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ
ปากรูปกระจับคงเสยได้รูปแสยะยิ้มออกมาเผยเห็นฝันเขี้ยวของแวมไพร์
“เหยื่อกำลังมาติดร่างแห”
To be continued………………………….
// อืม ลองหาแนวแฟนตาซีดูหน่อยแหะๆ เกี่ยวกับเอ็กซอร์ซิสต์ ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำที่พูดในสมัยก่อนนี่จะเอามายังด้านคำพูดนี่ขอให้มองข้ามมันไปซะเถอะนะ อันนี้ก็ยังต้องแก้ไขอีกเยอะ ผิดตรงไหน เป็นยังไงเชิญติได้ตามสบายคอมเม้นต์ด้านล่างนี้เลยนะ
By Yuheyzuki
ความคิดเห็น